เจ้าของธุรกิจเช่าพระเครื่อง ในห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ร่วม 10 ราย ร้องดีเอสไอดำเนินคดี “เซียนเล็ก ตั้งเจริญ” หลังออกเช็คเช่าพระกว่า 20 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท แต่เช็คเด้ง อ้าง ไม่มี มีหนี ไม่จ่าย “ธาริต” เผย คดีฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอโดยอัตโนมัติ เตรียมมอบสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เร่งดำเนินการจับกุม
วันนี้ (21 ธ.ค.) เวลา 10.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือ เลิศ สุพรรณ กรรมการสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย พร้อมเจ้าของธุรกิจเช่าพระเครื่อง ในห้างพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า สาขางามวงศ์วาน ประมาณ 10 ราย นำหลักฐานเป็นเช็คเด้ง และรูปถ่ายพระเครื่องชื่อดังจำนวนมาก เข้ายื่นพร้อมหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายพิศิษฐ์ นวพรลักษมี หรือ เซียนเล็ก ตั้งเจริญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 365/1608 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.นักธุรกิจติดตั้งเครื่องเสียง ฐานฉ้อโกง กรณีตีเช็คเด้ง เช่าพระเครื่องชื่อดัง จากผู้ประกอบการแผงพระกว่า 20 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท บนศูนย์พระเครื่องชื่อดัง เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ต.ค.54 เบื้องต้นดีเอสไอ รับไว้สอบสวนตาม พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ
นายเกรียงไกร จิระสวัสตระมูล อายุ 32 ปี หรือ ป้อม สกล กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณเดือน ส.ค.ปี 2554 เซียนเล็ก ตั้งเจริญ ได้เข้ามาเดินเช่าพระเครื่องในศูนย์พระเครื่องห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ซึ่งขณะนั้นเซียนเล็ก ได้สร้างความน่าเชื่อถือบอกว่าเป็นเสี่ย ติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ ขอเช่าพระเครื่องราคาแพงโดยการสั่งจ่ายเช็ค ซึ่งช่วงแรกแผงเช่าพระเครื่องก็สามารถนำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารได้ตามปกติ จนเซียนเล็ก ได้รับความน่าเชื่อถือจากแผงพระเครื่อง กระทั่งเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เซียนเล็ก ได้เช่าพระเครื่องจากผู้ประกอบการแผงพระกว่า 20 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเช็คในชื่อตัวเอง ภรรยา และพี่ชาย แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นจากธนาคาร ปรากฏว่า เช็คเด้ง จึงรวมตัวกันไปติดต่อท้วงเงินคืน เซียนเล็ก ก็อ้างว่า นำพระเครื่องที่เช่ามาไปจำนำหมดแล้ว หากอยากได้พระคืนก็ให้ไปไถ่กันเอง และไม่ยอมบอกว่านำไปจำนำไว้ที่ไหนบ้าง พร้อมบอกว่าเงินที่ได้มาจากการจำนำพระได้ใช้ไปหมดแล้ว
เซียนเลิศ สุพรรณ กล่าวว่า เมื่อผู้เสียหายเจ้าของแผงพระ พยายามโทรศัพท์ไปทวงเงิน เซียนเล็ก มักจะพูดทำนองว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย หากต้องการพระเครื่องคืนให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของภรรยาเซียนเล็ก เพื่อจะไปไถ่ถอนพระเครื่องให้ ทำให้พวกตนที่ประกอบแผงเช่าพระเครื่องเดือดร้อนมาก สำหรับพระเครื่องของตนที่เซียนเล็ก จ่ายเช็คเด้งประมาณ 20 ใบ เช่าพระเครื่องชื่อดังไปกว่า 10 องค์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้ง พระเจริญพรทองคำ หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ ปี 2517 วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ด้านหลังสลักเบอร์ 3 เลี่ยมทองฝั่งเพชร รวมมูลค่า 4.8 ล้านบาท พระกริ่ง ชินบัญชร เนื้อนวโลหะ ปี 2517 มูลค่า 1.3 ล้านบาท พระขุนแผนตะกรุดคู่ เนื้อหงส์ลายกุมาร วัดละหานไร่ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สำหรับการเช่าพระเครื่องส่วนใหญ่จะใช้เงินสด แต่กรณีของเซียนเล็ก เจ้าของเซียนพระ เห็นความน่าเชื่อถือในช่วงแรก ที่จ่ายเช็คเช่าพระเครื่องขึ้นเงินได้ตลอดจนตกเป็นเหยื่อดังกล่าว เพราะวงการพระเครื่องจะใช้ความน่าเชื่อถือในการติดต่อกัน
เซียนเลิศ สุพรรณ กล่าวต่อว่า เซียนเล็ก ตีเช็คเด้งเช่าพระเครื่องของตนไปหลายองค์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เซียนพระบางคน เช่น ป๋อง สุพรรณ เสียหายคนเดียวกว่า 100 ล้านบาท สำหรับพระเครื่องที่เซียนเล็ก ติดต่อขอเช่าจากพวกตน ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องชื่อดัง มีราคาสูง เพราะได้รับความนิยม ตนคิดว่าอาจมีใบสั่งมา สำหรับพระเครื่องของพวกผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงไป อาทิ พระชุดเบญจภาคี พวกตนอยากได้พระเครื่องเครื่องคืน จึงต้องมาร้องต่อดีเอสไอให้สอบสวนดำเนินคดี และตรวจสอบว่าเงินที่เซียนเล็ก ได้จากการนำพระเครื่องของตนไปจำนำทำอะไรบ้าง สำหรับเซียนเล็ก ยังเดินดูพระที่ศูนย์พระเครื่องห้างพันธุ์ งามวงศ์วาน โดยมีชายชุดดำเดินตามคุ้มกันเหมือนคนมีอิทธิพล
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เบื้องต้นจากพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เป็นการฉ้อโกงประชาชนโดยการออกเช็คเด้งเช่าพระประมาณ 100 กว่าใบ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเรื่องพระเป็นความเชื่อตามวิถีพุทธ ชาวไทยให้ความเชื่อถือศรัทธา เหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่คิดว่า จะมีการฉ้อโกงในลักษณะแชร์ขยายมาถึงวงการ พระเครื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอเคยสอบสวนสารพัดแชร์ทั้งแชร์ข้าวสาร แชร์เกี๋ยวเตี่ยว สำหรับคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ โดยอัตโนมัติ ตนจะมอบให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อหยุดความเสียหายในวงการพระเครื่องต่อไป
วันนี้ (21 ธ.ค.) เวลา 10.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือ เลิศ สุพรรณ กรรมการสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย พร้อมเจ้าของธุรกิจเช่าพระเครื่อง ในห้างพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า สาขางามวงศ์วาน ประมาณ 10 ราย นำหลักฐานเป็นเช็คเด้ง และรูปถ่ายพระเครื่องชื่อดังจำนวนมาก เข้ายื่นพร้อมหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายพิศิษฐ์ นวพรลักษมี หรือ เซียนเล็ก ตั้งเจริญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 365/1608 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.นักธุรกิจติดตั้งเครื่องเสียง ฐานฉ้อโกง กรณีตีเช็คเด้ง เช่าพระเครื่องชื่อดัง จากผู้ประกอบการแผงพระกว่า 20 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท บนศูนย์พระเครื่องชื่อดัง เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ต.ค.54 เบื้องต้นดีเอสไอ รับไว้สอบสวนตาม พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ
นายเกรียงไกร จิระสวัสตระมูล อายุ 32 ปี หรือ ป้อม สกล กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณเดือน ส.ค.ปี 2554 เซียนเล็ก ตั้งเจริญ ได้เข้ามาเดินเช่าพระเครื่องในศูนย์พระเครื่องห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ซึ่งขณะนั้นเซียนเล็ก ได้สร้างความน่าเชื่อถือบอกว่าเป็นเสี่ย ติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ ขอเช่าพระเครื่องราคาแพงโดยการสั่งจ่ายเช็ค ซึ่งช่วงแรกแผงเช่าพระเครื่องก็สามารถนำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารได้ตามปกติ จนเซียนเล็ก ได้รับความน่าเชื่อถือจากแผงพระเครื่อง กระทั่งเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เซียนเล็ก ได้เช่าพระเครื่องจากผู้ประกอบการแผงพระกว่า 20 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเช็คในชื่อตัวเอง ภรรยา และพี่ชาย แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นจากธนาคาร ปรากฏว่า เช็คเด้ง จึงรวมตัวกันไปติดต่อท้วงเงินคืน เซียนเล็ก ก็อ้างว่า นำพระเครื่องที่เช่ามาไปจำนำหมดแล้ว หากอยากได้พระคืนก็ให้ไปไถ่กันเอง และไม่ยอมบอกว่านำไปจำนำไว้ที่ไหนบ้าง พร้อมบอกว่าเงินที่ได้มาจากการจำนำพระได้ใช้ไปหมดแล้ว
เซียนเลิศ สุพรรณ กล่าวว่า เมื่อผู้เสียหายเจ้าของแผงพระ พยายามโทรศัพท์ไปทวงเงิน เซียนเล็ก มักจะพูดทำนองว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย หากต้องการพระเครื่องคืนให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของภรรยาเซียนเล็ก เพื่อจะไปไถ่ถอนพระเครื่องให้ ทำให้พวกตนที่ประกอบแผงเช่าพระเครื่องเดือดร้อนมาก สำหรับพระเครื่องของตนที่เซียนเล็ก จ่ายเช็คเด้งประมาณ 20 ใบ เช่าพระเครื่องชื่อดังไปกว่า 10 องค์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้ง พระเจริญพรทองคำ หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ ปี 2517 วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ด้านหลังสลักเบอร์ 3 เลี่ยมทองฝั่งเพชร รวมมูลค่า 4.8 ล้านบาท พระกริ่ง ชินบัญชร เนื้อนวโลหะ ปี 2517 มูลค่า 1.3 ล้านบาท พระขุนแผนตะกรุดคู่ เนื้อหงส์ลายกุมาร วัดละหานไร่ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สำหรับการเช่าพระเครื่องส่วนใหญ่จะใช้เงินสด แต่กรณีของเซียนเล็ก เจ้าของเซียนพระ เห็นความน่าเชื่อถือในช่วงแรก ที่จ่ายเช็คเช่าพระเครื่องขึ้นเงินได้ตลอดจนตกเป็นเหยื่อดังกล่าว เพราะวงการพระเครื่องจะใช้ความน่าเชื่อถือในการติดต่อกัน
เซียนเลิศ สุพรรณ กล่าวต่อว่า เซียนเล็ก ตีเช็คเด้งเช่าพระเครื่องของตนไปหลายองค์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เซียนพระบางคน เช่น ป๋อง สุพรรณ เสียหายคนเดียวกว่า 100 ล้านบาท สำหรับพระเครื่องที่เซียนเล็ก ติดต่อขอเช่าจากพวกตน ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องชื่อดัง มีราคาสูง เพราะได้รับความนิยม ตนคิดว่าอาจมีใบสั่งมา สำหรับพระเครื่องของพวกผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงไป อาทิ พระชุดเบญจภาคี พวกตนอยากได้พระเครื่องเครื่องคืน จึงต้องมาร้องต่อดีเอสไอให้สอบสวนดำเนินคดี และตรวจสอบว่าเงินที่เซียนเล็ก ได้จากการนำพระเครื่องของตนไปจำนำทำอะไรบ้าง สำหรับเซียนเล็ก ยังเดินดูพระที่ศูนย์พระเครื่องห้างพันธุ์ งามวงศ์วาน โดยมีชายชุดดำเดินตามคุ้มกันเหมือนคนมีอิทธิพล
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เบื้องต้นจากพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เป็นการฉ้อโกงประชาชนโดยการออกเช็คเด้งเช่าพระประมาณ 100 กว่าใบ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเรื่องพระเป็นความเชื่อตามวิถีพุทธ ชาวไทยให้ความเชื่อถือศรัทธา เหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่คิดว่า จะมีการฉ้อโกงในลักษณะแชร์ขยายมาถึงวงการ พระเครื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอเคยสอบสวนสารพัดแชร์ทั้งแชร์ข้าวสาร แชร์เกี๋ยวเตี่ยว สำหรับคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ โดยอัตโนมัติ ตนจะมอบให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อหยุดความเสียหายในวงการพระเครื่องต่อไป
