ผบช.น.เชื่อคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนกรุงคนละคนกับคนใกล้ชิด “เฉลิม” ยันไม่มีจัดฉาก ยกเป็นคดีโทษสูงคงไม่มีใครกล้าเสี่ยง ชี้เป็นการปล่อยข่าวเบี่ยงเบนประเด็น ยอมรับตามจับตัว “นายโก้” ปล้นบ้านปลัดคมนาคมยาก ยันข่าวถูกเก็บและจับได้แล้วไม่เป็นความจริง
วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุด เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายว่า จากการจับกุมผู้กระทำผิดได้ 1 ราย และหลักฐานที่พบ รวมถึงการสอบสวนพยาน พบว่าการลงมือก่อเหตุมีประมาณ 3-4 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามต่อไป
ส่วนการตรวจสอบภาพถ่ายคนหน้าเหมือน นายจิรวัฒน์ จันทร์เพ็ง อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด 3 จุดในกรุงเทพฯ ที่นครบาลควบคุมตัวมาแถลงข่าวมีความใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าเบื้องต้นจากการดูด้วยตาเปล่ายอมรับว่าหน้าตาเหมือนกันมาก แต่มีหลายจุดที่ไม่เหมือน และเชื่อว่าเป็นคนละคนกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการจัดฉากแน่นอน เพราะเป็นคดีมีโทษหนัก ระวางโทษสูง จำคุก 5-10 ปี คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงแน่นอน น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเบี่ยงเบนประเด็นเท่านั้น
พล.ต.ท.วินัย กล่าวต่อว่า การสอบสวนครั้งนี้มี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคดีนี้มีพยานหลักฐานแน่นหนา โดยจะสามารถเอาผิดกับคนร้ายได้อย่างแน่นอน และต้องมีโทษจำคุกตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนที่มีเสียงวิพากวิจารณ์ออกมาต่างๆ ว่าจะเป็นการดิสเครดิต หรือเป็นการจัดฉากนั้น พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า หากตำรวจจับกุมช้าก็มาด่าตำรวจอีก เพราะฉะนั้นจึงขอยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเป็นการยับยั้งขบวนการสร้างสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทางเราพยายามสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี โดยไม่ได้ลดถอยกำลังแต่อย่างใด
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กทม. โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สนับสนุนกำลังตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยตรวจตราร่วมกับตำรวจนครบาล โดยมีการตั้งด่านตรวจตั้งแต่ 20.00 น.-04.00 น.จนถึงช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามมาตรการทุกวิธีการ เพื่อให้ประชาชนได้ฉลองปีใหม่ได้อย่างสบายใจ
" หลังจากตำรวจจับกุมคนร้ายได้พร้อมของกลางระเบิด 6 ลูกทั้งที่เป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยมีพยานหลักฐานชัดเจน ศาลได้มีคำสั่งลงโทษผู้ต้องหาที่กระทำผิดไปแล้วทุกราย ผมเชื่อว่าคดีของนายจิรวัฒน์ตำรวจก็ได้คัดค้านการประกันตัวไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาออกมาแต่อย่างใด แม้ผู้ต้องหาเองจะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาก็ตาม ทางเราจะต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่มีความแน่นอนไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ " พล.ต.ท.วินัย กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ได้เร่งติดตามคนร้ายอย่างเต็มที่ แต่การตามตัวนายวีระศักดิ์ เชื่อลี(โก้) ค่อนข้างยาก เพราะหลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะได้ตัวเมื่อไหร่ โดยส่วนตัวอยากให้จับได้วันนี้เร็ววัน ทั้งนี้ ที่มีข่าวจับได้แล้วหรือถูกเก็บไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนพิเศษ คดีคนร้ายลักลอบวางระเบิด 3 จุด จำนวน 6 ลูก เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้ง 20 นายอีกครั้ง พร้อมลงพื้นที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด เพิ่มเติม ซึ่งได้พยานวัตถุเพิ่มเติมพอสมควร
ส่วนหลักฐานทางนิติเวชพนักงานสอบสวนประสานสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอจากวัตถุพยานที่เก็บได้ ว่าตรงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้หรือไม่ และผู้ต้องหาที่คาดว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ อย่างน้อย 2 ราย ชุดสืบสวนกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่
วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุด เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายว่า จากการจับกุมผู้กระทำผิดได้ 1 ราย และหลักฐานที่พบ รวมถึงการสอบสวนพยาน พบว่าการลงมือก่อเหตุมีประมาณ 3-4 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามต่อไป
ส่วนการตรวจสอบภาพถ่ายคนหน้าเหมือน นายจิรวัฒน์ จันทร์เพ็ง อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด 3 จุดในกรุงเทพฯ ที่นครบาลควบคุมตัวมาแถลงข่าวมีความใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าเบื้องต้นจากการดูด้วยตาเปล่ายอมรับว่าหน้าตาเหมือนกันมาก แต่มีหลายจุดที่ไม่เหมือน และเชื่อว่าเป็นคนละคนกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการจัดฉากแน่นอน เพราะเป็นคดีมีโทษหนัก ระวางโทษสูง จำคุก 5-10 ปี คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงแน่นอน น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเบี่ยงเบนประเด็นเท่านั้น
พล.ต.ท.วินัย กล่าวต่อว่า การสอบสวนครั้งนี้มี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคดีนี้มีพยานหลักฐานแน่นหนา โดยจะสามารถเอาผิดกับคนร้ายได้อย่างแน่นอน และต้องมีโทษจำคุกตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนที่มีเสียงวิพากวิจารณ์ออกมาต่างๆ ว่าจะเป็นการดิสเครดิต หรือเป็นการจัดฉากนั้น พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า หากตำรวจจับกุมช้าก็มาด่าตำรวจอีก เพราะฉะนั้นจึงขอยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเป็นการยับยั้งขบวนการสร้างสถานการณ์ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทางเราพยายามสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี โดยไม่ได้ลดถอยกำลังแต่อย่างใด
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กทม. โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สนับสนุนกำลังตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยตรวจตราร่วมกับตำรวจนครบาล โดยมีการตั้งด่านตรวจตั้งแต่ 20.00 น.-04.00 น.จนถึงช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามมาตรการทุกวิธีการ เพื่อให้ประชาชนได้ฉลองปีใหม่ได้อย่างสบายใจ
" หลังจากตำรวจจับกุมคนร้ายได้พร้อมของกลางระเบิด 6 ลูกทั้งที่เป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยมีพยานหลักฐานชัดเจน ศาลได้มีคำสั่งลงโทษผู้ต้องหาที่กระทำผิดไปแล้วทุกราย ผมเชื่อว่าคดีของนายจิรวัฒน์ตำรวจก็ได้คัดค้านการประกันตัวไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาออกมาแต่อย่างใด แม้ผู้ต้องหาเองจะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาก็ตาม ทางเราจะต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่มีความแน่นอนไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ " พล.ต.ท.วินัย กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ได้เร่งติดตามคนร้ายอย่างเต็มที่ แต่การตามตัวนายวีระศักดิ์ เชื่อลี(โก้) ค่อนข้างยาก เพราะหลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะได้ตัวเมื่อไหร่ โดยส่วนตัวอยากให้จับได้วันนี้เร็ววัน ทั้งนี้ ที่มีข่าวจับได้แล้วหรือถูกเก็บไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนพิเศษ คดีคนร้ายลักลอบวางระเบิด 3 จุด จำนวน 6 ลูก เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้ง 20 นายอีกครั้ง พร้อมลงพื้นที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด เพิ่มเติม ซึ่งได้พยานวัตถุเพิ่มเติมพอสมควร
ส่วนหลักฐานทางนิติเวชพนักงานสอบสวนประสานสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอจากวัตถุพยานที่เก็บได้ ว่าตรงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้หรือไม่ และผู้ต้องหาที่คาดว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ อย่างน้อย 2 ราย ชุดสืบสวนกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่