ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมแก๊งแฮกเกอร์ชาวโรมาเนีย ฉกข้อมูลบัตรกดเงินสดของคนในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยียม สเปน อิตาลี เยอรมัน ก่อนส่งสมุนเข้ามากดเงินตามตู้เอทีเอ็มในเมืองไทย เผยเข้ามาเพียงแค่ 1 เดือน กดเงินสดส่งกลับไปให้หัวหน้าแก๊งถึง 50 ล้านบาท
วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 12.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. พ.ต.อ.ศุภพล อรุณสิทธิ์ พ.ต.อ.ชาคร ศรีวัฒนประยูร ผกก.1 บก.ทท.,พ.ต.ท.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผกก.1 บก.ทท. และพ.ต.ท.จักรกริช เสริบุตร สว.งานสืบสวน กก.1 บก.ทท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายโลซินกา จอร์จ อเล็กซานดรู (Mr.Lozinca George Alexandru) อายุ 22 ปี สัญชาติโรมาเนีย สมาชิกแก๊งแฮกเกอร์โรมาเนีย ดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 6,000 บาท บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จำนวน 655 ใบ เครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลลงในแถบแม่เหล็ก (สกิมเมอร์) จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ ASUS สีดำ จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ถนนสุขุมวิทซอย 7 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม.
พล.ต.ต.อดิศร์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ควบคุมและป้องกันการทุจริตสายบริหารป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ว่าธนาคารในกลุ่มประเทศยุโรปพบการขโมยข้อมูลทางการเงินของลูกค้าชาวต่างชาติของธนาคารเป็นจำนวนมาก และข้อมูลที่ถูกขโมยมานั้นมีการนำมาใช้เบิกเงินสดในประเทศไทย จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีการใช้บัตรเอทีเอ็มที่มีข้อมูลของชาวยุโรปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มจำนวนมากจริง ในช่วงระหว่างเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 23.00 น.เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงจัดกำลังสืบสวนหาตัวคนร้าย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2554 เวลาประมาณ 00.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ว่ามีคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาตินำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมมากดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม บริเวณถนนสุขุมวิท พร้อมส่งภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ใช้ประกอบการสืบสวน
พล.ต.ต.อดิศร์กล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจึงได้ออกสืบหาตัวผู้ต้องสงสัยตามภาพถ่ายเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม ถ.สุขุมวิทซอย 7 พบว่า นายโลซินกา มีรูปพรรณสัณฐานตรงตามภาพถ่ายที่ได้รับแจ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง โดยผู้ต้องหาไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางให้ตรวจสอบได้ จากนั้นได้ขอตรวจค้นตัวนายโลซินกา พบบัตรพลาสติกสีขาวมีแถบแม่เหล็กอยู่ด้านหลังบัตรพร้อมตัวเลขบนบัตร จำนวน 5 ใบ อยู่ในกระเป๋าสตางค์ และคีย์การ์ดพร้อมกุญแจห้องเลขที่ 522 ซึ่งนายโลซินก้าแจ้งว่า หนังสือเดินทางของตนอยู่ในห้องพักเลขที่ 522 สุวรรณินเพลส ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ต้องหาไปยังห้องพัก และประสานพนักงานรักษาความปลอดภัยของอาคาร จนทราบว่านายโลซินกาพักอยู่ห้อง 522 จริง และได้ทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าว พบหนังสือเดินทางประเทศโรมาเนีย พร้อมของกลางทั้งหมดอยู่ในห้องพัก จึงได้เชิญตัวนายโลซินกามายังที่ทำการ กก.1 บก.ทท. เพื่อตรวจสอบข้อมูลบัตรพลาสติกสีขาวฯ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่ควบคุมและป้องกันการทุจริต สายบริหารการป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มาตรวจสอบข้อมูลบัตรฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลที่พบจากแถบแม่เหล็กหลังบัตรพลาสติกสีขาวเป็นข้อมูลที่ธนาคารในต่างประเทศแถบยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยียม สเปน อิตาลี เยอรมนี ซึ่งธนาคารออกให้แก่ผู้เป็นเจ้าของบัตรที่แท้จริงใช้ทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสดจากตู้เบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ (ตู้เอทีเอ็ม) โดยแก๊งนี้เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2554 มีผู้ร่วมแก๊งทั้งหมด 3 คน จะนำบัตรพลาสติกสีขาวพร้อมเขียนรหัสไว้ไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม โดยทำไปแล้วได้เงินมาประมาณ 50 ล้านบาท ภายใน 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา เมื่อรวบรวมเงินที่กดได้ในแต่ละวัน จะโอนเงินกลับไปให้หัวหน้าขบวนการที่ประเทศโรมาเนีย โดยจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่กดได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนกับเพื่อนชาวโรมาเนียอีก 3 คน เดินทางเข้ามาประเทศไทยพร้อมกัน และแบ่งหน้าที่กันทำงาน เป็นโครงข่ายขโมยข้อมูลการเงินของประชาชนในกลุ่มประเทศยุโรป ทำการปลอมแปลงโดยบันทึกข้อมูลลงบัตรพลาสติกสีขาว ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์, มีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงเพื่อใช้ในการปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายจะประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองให้สกัดไว้ทุกจุด และจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
“พฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายชาวโรมาเนียรายนี้ ก่อความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง จึงอยากฝากขอความร่วมมือจากทางสื่อมวลชน เผยแพร่ข้อมูลคดีดังกล่าวให้ประชาชนทราบ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง การทำธุรกรรมการเงินในระบบอินเทอร์เน็ตเป็นกรณีพิเศษ หากพบความผิดปกติหรือมีข้อสงสัยประการใดให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป” พล.ต.ต.อดิศร์กล่าวอีกด้วย