xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เร่งเช็กวงจรปิดล่ามือวางระเบิด เชื่อสร้างสถานการณ์!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพในจุดเกิดเหตุ ที่ จนท.พบวัตถุระเบิดบริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนิน
ผบช.น.ขอเวลาตรวจสอบวัตถุระเบิดที่พบ บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนิน ห่างหน้ากองสลากฯ 200 เมตร พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง เชื่อ มีจุดประสงค์สร้างสถานการณ์ไม่หวังผลในการระเบิด ขณะที่ชุดสืบลงพื้นที่หาเบาะแส คาด ภายในวันนี้จะสามารถรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดจากจุดต่างๆ มาวิเคราะห์หาตัวคนร้าย ส่วนกรณีที่มีพยานเห็นคนร้ายนำวัตถุระเบิดมาวาง ยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่พบพยานยืนยันเวลาที่พบเห็นระเบิดที่แน่นอน

วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.เปิดเผยถึงกรณีพบวัตถุระเบิดวางอยู่เกาะกลางถนนราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.ซึ่งห่างจากหน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล ประมาณ 200 เมตร เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อคืนนี้ทาง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร.และ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าร่วมประชุมโดยวางแนวทางการสืบสวน ต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน จะนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 9 ธ.ค.เวลา 14.00 น.ที่ บช.น.

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สำหรับวัตถุระเบิดที่พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้ดินดำ ซึ่งเป็นดินที่อยู่ในประทัด และเป็นดินระเบิดมีการตั้งเวลาไว้ แต่วงจรนี้ไม่สามารถจุดระเบิดได้ แต่หากระเบิดได้ระยะอันตรายประมาณ 10 เมตร ส่วนลักษณะการต่อวงจรเหมือนเหตุระเบิดที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ขณะนี้ต้องพูดว่า 1.คน ที่นำไปวางไว้มีเจตนาไปวางให้เห็นอย่างชัดเจน 2.ลักษณะการวางมีการเปิดฝากระเป๋าให้เห็นว่ามีนาฬิกาตั้งเวลาอยู่ โดยเชื่อว่ามีจุดประสงค์สร้างเหตุโดยไม่หวังผลในการระเบิดแต่อย่างใด ส่วนจะเป็นการกระทำของกลุ่มไหน พวกไหนนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบก่อน

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า จุดเกิดเหตุห่างกองสลากฯประมาณ 200 เมตร แต่ก็ไม่ได้ทิ้งประเด็นทางการเมืองออกไป และกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะนำมาวางช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าจะมีตำรวจอยู่ที่จุดนั้น สำหรับการตั้งเวลาในนาฬิกาไม่ตรงกับเวลาจริง ซึ่งระยะเวลาที่พบประมาณ 15.00 น.โดยในนาฬิกาตั้งไว้เวลา 13.00 น.แต่เวลาในนาฬิกาขณะนั้นเป็นเวลา 12.00 น.ซึ่งเวลาที่ไปพบเวลาเป็นเวลา 15.30 น.ดังนั้น เวลา 1 ชั่วโมง คือ 16.30 น.แต่วงจรจากการดูของผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถทำงานได้ เมื่อต่อครบแต่บางตัวที่เป็นแรงกระตุ้นของไฟไม่มี

“ส่วนเรื่องจะข่มขู่หรือไม่นั้น อย่าไปใช้จินตนาการมากนัก ส่วนพยานหลักฐานต่างๆ ก็ได้ทำการตรวจสอบอยู่ นอกจากนี้ยังตรวจสอบว่าการทำลักษณะแบบนี้มีที่ใดบ้างเพราะมีศูนย์บอมบ์ดาต้า (BDC) อยู่” พล.ต.ท.วินัย กล่าว

นอกจากนี้ ในเรื่องการปรับการดูแลความปลอดภัยเพิ่มนั้น โดยจะมีการทำความเข้าใจในโครงการ 1 ตำรวจ 4 อาสา เหมือนเป็นการกระจาย สน.ย่อย โรงพักละ 4-5 จุด เป็นการเพิ่มจุดตรวจ จุดสกัดเข้าไป โดยมี 5 สน. ได้แก่ สน.บางเขน, สน.ตลิ่งชัน, สน.ภาษีเจริญ, สน.โชคชัย และ สน.มีนบุรี นำร่องไปก่อน หากทำแล้วเกิดผลขึ้น ไม่เกินวันที่ 20 ธ.ค.ก็จะเปิดกระจายโรงพักไปประมาณ 300-400 แห่ง

พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 เปิดเผย ว่า ล่าสุด ได้มีการแบ่งชุดทำงานเพื่อสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายโดย กก.สส.บก.น.1 รับผิดชอบการหาหลักฐานวัตถุพยานจากภาพกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบดูว่าต้องใช้ภาพจากจุดใดบ้างเพื่อให้ได้เบาะแสคนร้ายที่นำระเบิดมาวาง พร้อมประสาน กทม.และห้างร้านสถานที่ใกล้เคียงเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ คาดว่าภายในวันนี้จะสามารถจะสามารถรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดจุดต่างๆมาวิเคราะห์หาบุคคลต้องสงสัยได้

พ.ต.อ.คณิศร์ชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีประชาชนพบว่ามีคนนำระเบิดดังกล่าวมาวางไว้ตั้งแต่ช่วงเช้านั้น ยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่พบพยานยืนยันเวลาที่พบเห็นระเบิดที่แน่นอนกำลังให้ชุดสืบสวนติดตามในส่วนนี้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดเช่นนี้ ทางชุดสืบสวนคงต้องวางแผนหาข่าวป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ต้องมีการวางแผนกำลังอย่างเข้มงวดในสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ บก.น.1 พร้อมประสานพื้นที่อื่นในการวางแผนรับมือด้วย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงการชุมนุมหรือไม่นั้นคงต้องรอผลการตรวจสอบเปรียบเทียบก่อน

ด้าน พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ชุดสืบสวนของ สน.ชนะสงคราม มีหน้าที่รับผิดชอบในการลงพื้นที่เพื่อหาพยานบุคคล รวมทั้งพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนไปรวมกับส่วนต่างๆ เพื่อประมวลผลในการติดตามคนร้าย

ขณะที่ พ.ต.ต.อาณุรักษ์ จันทรคุณ สว.กก.2 บก.สส.บช.น.กล่าวว่า ในส่วนของ กก.2 บก.สส.บช.น.รับผิดชอบในการหาร่องรอยคนร้ายจากการตรวจสอบหลักฐานจากระเบิดที่สามารถเก็บกู้ได้ในที่เกิดเหตุ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบระเบิดดังกล่าวพบเป็นชนิดแสวงเครื่องโดยใช้นาฬิกาปลุกตั้งเวลา และใช้หลอดไฟในการให้ความร้อนเพื่อเป็นการจุดชนวน โดยชิ้นส่วนของระเบิดประกอบด้วยตัวระเบิดเป็นเหล็กทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว ความยาวประมาณ 7 นิ้ว ภายในบรรจุดินระเบิดเทา และใช้แผ่นเหล็กขนาด 5x4.5 ปิดหัวท้าย มีหลอดไฟชนิดหลอดไส้บรรจุอยู่ พร้อมนาฬิกาปลุกแบบอนาล็อค ยี่ห้อ RAKA ถ่านไฟฉายสีเขียวขนาด AA ยี่ห้อพานาโซนิค 7 ก้อน และยี่ห้อ kingever อีก 2 ก้อน กระเป๋าหิ้วสีดำที่ใช้ใส่ระเบิดดังกล่าว พร้อมทั้งขวดน้ำยี่ห้อ Cooly fresh อีก 2 ขวดที่ต้องนำมาตรวจสอบหาลายนิ้วมือคนร้าย

“ส่วนความรุนแรงของระเบิดชนิดนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นใช้ดินระเบิดชนิดดินเทาซึ่งไม่มีความรุนแรงมากจากการประเมินเบื้องต้น หากเกิดระเบิดคาดว่าจะมีรัศมีทำลายไม่เกิน 10 เมตร อย่างไรก็ตามส่งวัตถุระเบิดทั้งหมดที่เก็บได้ไปให้หน่วยงานตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด ของ บช.น. ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีเป็นชนิดใดและมีความรุนแรงเท่าใด คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้” พ.ต.ต.อาณุรักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีเหตุระเบิด ได้นัดประชุมส่วนที่เกี่ยวข้องในดคีเพื่อติดตามความคืบหน้าในวันที่ 9 ธ.ค.เวลา 14.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น