เซียนพระโร่แจ้งจับ “เลิศ สุพรรณ” - “จันทร์จวง ดวงจันทร์” น้องสาวอดีตราชินีลูกทุ่งชื่อดัง พาพวกอุ้มไปทวงหนี้ ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา เจ้าตัวเกรงไม่ปลอดภัย รีบเข้าแจ้งความ เบื้องต้น ตร.รู้ตัวหมดแล้ว และทำการออกหมายจับทั้ง 6 คน คาดได้ตัวเร็วๆ นี้
วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายพิสิษฐ์ นวพรลักษมี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.4 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. อาชีพเซียนพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.ปัญญา ไอยราคม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์เพิ่มเติมในคดีที่ตนเองถูกคนร้าย 6 คนอุ้มตัวจากบริเวณลานจอดรถชั้น 1 ห้างพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยคนร้ายได้บังคับเอาพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่ ราคากว่า 16.5 ล้านบาท ไปก่อนที่จะปล่อยตนเองกลับมา
นายพิสิษฐ์ให้การว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.30 น.ตนเองได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาจอดที่ห้างดังกล่าวตามปกติ เพื่อจะขึ้นไปที่ศูนย์พระบนห้างดังกล่าว แต่ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปนั้น ได้มี นายณรงเวทย์ สมจิตร์ อายุ 22 ปี ซึ่งจำได้ว่าเป็นลูกน้องของนายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือเลิศ สุพรรณ ฉายาในวงการพระเครื่องได้เดินเข้ามาประกบตน พร้อมทั้งบอกกับว่าให้ไปเคลียร์ธุระกับพี่เลิศที่รถ ก่อนจะดึงตนไปที่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาวมุก ทะเบียน ชท 4884 กทม.โดยมีชายฉกรรจ์แต่งชุดซาฟารีสีดำยืนอยู่ที่ข้างรถ จำนวน 3 คน โดยมี นางสาวอภินท์พร มงคลศิลาโรจน์ หรือจันทร์จวง ดวงจันทร์ น้องสาวราชินีเพลงลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสาวคนสนิทของนายเลิศ นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับโดยสตาร์ทเครื่องไว้ ซึ่งตนเองจำได้ว่าเป็นรถของนายเลิศ
ก่อนที่นายเลิศจะลงจากรถมาพร้อมบอกให้ขึ้นรถไปเคลียร์ธุระหนี้สินกันในรถ ซึ่งชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนได้บังคับให้นั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ โดยชายทั้ง 3 คนได้นั่งประกบหน้าหลังก่อนขับรถออกไปทางแยกพงษ์เพชร มุ่งหน้าถนนแจ้งวัฒนะ และขณะที่อยู่ในรถนั้น นายเลิศได้พูดข่มขู่เรื่องที่จ่ายเช็คให้เพื่อใช้หนี้ แต่เช็คไม่สามารถไปขึ้นเงินได้ พร้อมทั้งบอกว่าทำอย่างนี้มันต้องกด ตนจึงพูดขอร้องว่าขอเวลาอีกสักหน่อย จะเคลียร์เงินให้ในวันนี้อยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะเบี้ยวแต่อย่างใด แต่ชายฉกรรจ์ดังกล่าวพูดว่า ไม่ได้ นายไม่ยอม จะเอาเงินวันนี้ ด้วยความตกใจกลัวจึงบอกว่าให้พากลับไปที่ห้าง แล้วจะขึ้นไปเอาพระสมเด็จวัดระฆัง ที่ร้านจำนวน 2 องค์ไปปล่อย ซึ่งถ้าปล่อยได้จะหักลบแล้วเหลือเงินอีก 2.5 ล้านบาท
นายพิสิษฐ์กล่าวต่อว่า หลังจากได้เงินแล้วจะนำเงินไปไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่ ที่จำนำไว้กับเพื่อนในราคา 2.5 ล้านบาท แต่ราคาพระถ้าเอาไปปล่อยจะได้สูงถึง 16 ล้านบาท คนร้ายจึงยอมพากลับไปที่ห้างอีกครั้ง โดยเดินล็อกแขนประกบอยู่ตลอดเวลาไม่ให้หนีหรือร้องขอความช่วยเหลือ จนขายพระได้แล้ว คนร้ายจึงพามาขึ้นรถก่อนที่จะให้พาไปที่บ้านเพื่อน เพื่อไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหมที่ กทม. เมื่อไปถึงที่บ้านเพื่อนของตนแล้ว นายเลิศซึ่งเป็นเซียนพระเหมือนกันได้ตามลงจากรถไปพร้อมขอดูพระสมเด็จวัดระฆัง ก่อนที่จะเอาพระองค์ดังกล่าวไป และกลับไปขึ้นรถขับออกไป
“ผมเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว เพราะคิดว่าหักหนี้ที่ติดค้างกัน และเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ชายชุดดังกล่าวได้มาที่ห้างอีกครั้ง พร้อมทั้งเข้ามาล็อกแขนผม บอกว่าให้ออกมาคุยกันหน่อย ด้วยความกลัวที่จะถูกทำร้ายจึงได้สะบัดแขนก่อนวิ่งหนีไปพร้อมตะโกนให้คนช่วย ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 รีบวิ่งหลบหนีไป จึงรีบมาแจ้งความดำเนินคดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายพิสิษฐ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนแล้ว โดยทราบชื่อจริงเพียง 3 คน คือ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือเลิศ สุพรรณ นายณรงเวทย์ สมจิตร และนางสาวอภินท์พร มงคลศิลาโรจน์ หรือจันทร์จวง ดวงจันทร์ ส่วนอีก 3 คนเป็นทหารชุดทวงหนี้ของเสธ.ทหารคนหนึ่ง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับทั้ง 6 คนแล้ว ตามหมายจับเลขที่ 564/2554 ศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนียวกักขังผู้อื่น และให้ผู้อื่นกระทำการใดๆ ให้แก่ผู้กระทำ พร้อมทั้งส่งชุดสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว คาดว่า จะนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป