คนร้ายบุกยิง รปภ.หมู่บ้านนิชดาธานี ปากเกร็ด เสียชีวิตหน้าบ้านพัก หลังนั่งดื่มเหล้าฉลองวันลอยกระทง ส่วนเพื่อนถูกตีสลบ ตร.รอสอบคนเจ็บหาหลักฐานตามตัวคนร้าย
วานนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 23.00 น. ร.ต.ท.ภัทนนท์ บุญเนตร ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย ที่บ้านพักคนงานหมู่บ้านนิชดาธานี หมู่ 3 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด และ พ.ต.ต.วิทิต จันทร์เอี่ยม สว.สส.สภ.ปากเกร็ด แพทย์จากนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุหน้าบ้านพักคนงานพบศพนายชาคริส เที่ยงแท้ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1หมู่ที่1ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รปภ.หมู่บ้านดังกล่าว สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดสวมกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อ ข้างศพพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 2 ปลอก ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณท้ายทอยทะลุปากจำนวน 1 นัด ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายโสภณ ไม่ทราบนามสกุลอายุ 42 ปี ถูกตีด้วยของแข็งที่ท้ายทอยและดั้งจมูกนอนหมดสติอยู่ข้างศพผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวส่งรักษาตัวที่ รพ.ชลประทาน
สอบสวน นางรมิตา จันทชื่น ภรรยาของผู้ตายให้การด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสามีตนถูกหัวหน้า รปภ.สั่งให้พักงาน 7 วันเนื่องจากมีเพื่อน รปภ.ที่ทำงานอยู่ด้วยกันไปฟ้องว่าขับรถย้อนศรภายในหมู่บ้านทำให้สามีตนไม่พอใจจึงได้มีปากเสียงกันกับเพื่อนคนดังกล่าว กระทั่งตอนเย็นนายโสภณเพื่อนของสามีได้มาหาที่บ้านและซื้อเหล้ามาดื่มเนื่องจากเป็นวันลอยกระทงจนถึงเวลาประมาณ 22.30 น.สามีจึงเดินออกไปส่งนายโสภณ ส่วนตนนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านได้ยินเสียงดังเหมือนเสียงปืนหลายครั้งแต่ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นเสียงประทัดที่จุดเล่นวันลอยกระทง จนกระทั่งเพื่อนบ้านคนนึงมาบอกกับตนว่าสามีและนายโสภณนอนอยู่ที่ข้างถนนมีเลือดไหลนองเต็มพื้นหน้าทางเข้าบ้าน ตนตกใจมากจึงรีบวิ่งไปดูก็พบว่าสามีได้เสียชีวิตแล้วจึงได้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานให้มูลนิธินำตัวนายโสภณที่นอนหมดสติส่ง รพ.
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ปมสังหารน่าจะเกิดจากเรื่องความแค้นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรอสอบปากคำนายโสภณที่นอนหมดสติที่ รพ.เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป