"เพิ่มโทษในช่วงน้ำท่วม จากเดิมข้อหาลักทรัพย์มีความผิดตามมาตรา 334 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าหากลักทรัพย์ในช่วงบ้านเมืองกำลังประสบปัญหาอุทกภัย รวมถึงทำลายคันกั้นน้ำ ตามมาตรา 335 วรรค 2 ผู้ใดลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใดๆ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี และปรับ 2,000-10,000 บาทจากปกติมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี " นั่นคือตัวบทกฎหมายที่ฝ่ายตำรวจ ออกมาระบุให้ชัดเจนมากขึ้น เผื่อว่าพวกหัวขโมย หรือแก๊งแมวน้ำ จะหวาดกลัว ไม่กล้าตระเวนก่อเหตุงัดแงะลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนซ้ำเติมความทุกข์ให้แสนสาหัสมากขึ้น
แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในทุกพื้นที่ไล่ยาวมาจากนครสวรรค์ อยุธยา รังสิต-ปทุมธานี มุ่งหน้าเข้าท่วมพื้นที่ กทม. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. จะออกมาตรการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพ และคนร้ายที่คอยจ้องจะลักทรัพย์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเข้มงวดแล้วก็ตามแต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งพวกหนักแผ่นดิน ที่ยังตักตวงหาผลประโยชน์ออกลักทรัพย์พวกนี้ได้เท่าที่ควร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกดดันให้มิจฉาชีพทำงานได้ยากขึ้น ผบ.ตร.คนใหม่ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" ได้ปล่อยแถวตำรวจสายตรวจทางน้ำ เพื่อลาดตระเวนป้องกันและปราบปรามโจรลักขโมยในพื้นที่ผู้ประสบอุทกภัย จ.ปทุมธานี และพื้นที่อื่น ๆ ที่กำลังประสบอุทกภัย โดยการออกตรวจจับพวกหัวขโมยในแต่ละครั้ง ซึ่งจะใช้เรือเร็ว เรือเจ็ตสกี และเรือท้องแบนรวม 30 ลำ คอยเฝ้าระวังอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันได้แนะนำถึงวิธีการควรปฏิบัติในการป้องกันอาชญากรรม และเหตุร้ายอื่น ๆ กับประชาชนที่ต้องทิ้งบ้านเรือนอีก 8 ข้อ คือ 1.ตรวจอุปกรณ์ไฟฟ้า ตัดกระแสไฟฟ้า 2.ตรวจสอบความแน่นหนาของประตู หน้าต่าง 3.เตรียมอุปกรณ์สื่อสารไว้ให้พร้อม 4.ย้ายสิ่งของไว้ในที่ที่เหมาะสม 5.เตรียมสำรองอาหาร น้ำ ยารักษาโรค 6.เก็บทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย 7.แสวงหาความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน และ 8.ควรนำทรัพย์สินไปฝากไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ธนาคาร บ้านญาติ ไม่ควรนำติดตัวไปมาก แต่ก็มิวายเกิดเหตุจากพวกไม่มีจิตสำนึก คอยแต่จะฉวยโอกาสเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชน ซึ่งได้สร้างความเดือนร้อนให้ผู้ประสบภัยอย่างทั่วหน้า
ในส่วนของการปราบปรามแก๊งแมวน้ำ ลักทรัพย์สินมีค่าของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ยังมีอีกปัญหาที่ตำรวจได้ตรวจตราเข้มงวด คือการที่ประชาชนนำรถไปจอดบนทางด่วน สะพานสูง โทลล์เวย์ ซึ่งพวกโจรทุบกระจกรถได้ออกอาละวาดหนักขึ้นทุกวัน ทั้งโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถ ล้อแม็กซ์ ยางอะไหล่ ซึ่งทางตำรวจนครบาลได้เพิ่มสายตรวจเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในเรื่องการจราจรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุด้วย
นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประกาศเตือนเจ้าของรถที่นำรถไปจอดหนีน้ำบนสะพานข้ามแยกทุกแห่ง บนทางคู่ขนานลอยฟ้าและบนทางด่วน ให้หมั่นไปตรวจตราดูแลรถของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และติดอุปกรณ์กันขโมยอย่างแน่นหนา เพราะขณะนี้มีแก๊งมิจฉาชีพออกอาละวาดงัดแงะทุบกระจกรถ และขโมยรถยนต์ออกก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงไม่ควรคลุมรถไว้อย่างมิดชิด เนื่องจากทำให้คนร้ายอาศัยช่วงกลางคืนเวลาปลอดคนลงมือทุบกระทบรถได้ง่าย
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์โจรกรรมรถบนทางด่วน หรือพื้นที่สูงที่ประชาชนนำรถขึ้นไปจอดหนีน้ำ โดยประชาชนเองก็ต้องป้องกันระมัดระวังไม่ควรเก็บทรัพย์สินไว้ในรถจำนวนมาก และคอยหมั่นตรวจตรารถของตนเองในแต่ละวันด้วย ซึ่งในส่วนของตำรวจเองก็ควรตระเวนตรวจให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อป้องปราบโจรผู้ร้ายอย่างจริงจัง และที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้พวกชั่วซ้ำเติมผู้ประสบภัยน้ำท่วมลอยนวล ก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่จับมือให้ดมไม่ได้ซะที!!