รวบแก๊งลักรถยนต์รุ่นวีโก้-ฟอร์จูนเนอร์ ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน สารภาพลักรถตามใบสั่งขโมยมาแล้ว 50 คัน เจอประวัติผู้ต้องหามีหมายจับคดีลักทรัพย์อีกเพียบ
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส. บช.น.) พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบก.สส.บช.น.แถลงการจับกุมแก๊งลักรถยนต์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย นายวิชิต หรือ ดำ หรือ หนุ่ม นกพึ่ง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 ถ.มิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ญม 8744 กทม.รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ณฐ 3205 กทม.
จากการตรวจสถิติรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในช่วงนี้ พบว่า รถโตโยต้า รุ่นวีโก้ และ รุ่นฟอร์จูนเนอร์ มีจำนวนมาก โดย กก.สส.2 บก.สส.บช.น.ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามการโจรกรรมรถ จึงสืบสวนติดตามแก๊งลักรถเหล่านี้จนทราบว่า มี นายวิชิต เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยก่อนถูกจับกุมนายวิชิต ร่วมกับ นายวิเชียร กองตุ้ย หรือ ไอ้ตัวเล็ก และ นายวัชรพล สมศักดิ์จิรกิจ ตระเวนดูรถตามใบสั่งจากลานจอดรถต่างๆ และได้ทำการลักรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำของกลาง ซึ่ง นายวัชรพล ทำการเปลี่ยนชิปและขับส่งไปให้ลูกค้า โดยมี นายวิชิต และ นายวิเชียรขับรถคุ้มกัน หลังจากตำรวจเข้าจับกุม นายวัชรพล นายวิชิต และ นายวิเชียร จึงหลบหนีไปซ่อนตัวบ้านเกิดเจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมตัวนายวิชิตได้ในเวลาต่อมา
จากการสอบปากคำ นายวิชิต สารภาพว่า ร่วมกับเพื่อนลักรถมาแล้วประมาณ 50 คัน ซึ่งตนเป็นผู้ลงมือลักรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ 7 คัน วีโก้ 5 คัน นิสสันบิ๊กเอ็ม 20 คัน และฟอร์ดอีก 3-4 คัน จากนั้นจะนำไปขายให้ นายเอนก ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ที่ จ.อุดรธานี เพื่อส่งไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อขายได้ นายเอนก ก็จะโอนเงินให้คันละประมาณ 3-6 หมื่นบาท ทั้งนี้ ยังเคยเป็นผู้รับซื้อรถยนต์ที่ลักมาด้วย อีก 10 คัน แล้วนำไปขายต่อได้คันละ 15,000 บาท
ด้าน น.ส.มัณฑนา นครอินทร์ ผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกลักรถไป กล่าวว่า หลังจากรถถูกขโมยได้พยายามติดตามรถจากระบบจีพีเอส จนทราบว่าคนร้ายขับรถไปทางมอเตอร์เวย์ จึงเร่งติดตามไป จนถึงบริเวณด่านธัญญบุรี จึงสั่งให้จีพีเอสตัดการจ่ายน้ำมันทำให้รถหยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าจับกุมนายวัชรพลได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ นายวิชิต ยังมีหมายจับของศาล จ.เพชรบูรณ์ อีก 3 หมาย โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรส่งตัวดำเนินคดีพร้อมขยายผลจับกลุ่มเพื่อนร่วมแก๊งที่อยู่ระหว่างการหลบหนีต่อไป
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส. บช.น.) พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบก.สส.บช.น.แถลงการจับกุมแก๊งลักรถยนต์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย นายวิชิต หรือ ดำ หรือ หนุ่ม นกพึ่ง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 ถ.มิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ญม 8744 กทม.รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ณฐ 3205 กทม.
จากการตรวจสถิติรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในช่วงนี้ พบว่า รถโตโยต้า รุ่นวีโก้ และ รุ่นฟอร์จูนเนอร์ มีจำนวนมาก โดย กก.สส.2 บก.สส.บช.น.ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามการโจรกรรมรถ จึงสืบสวนติดตามแก๊งลักรถเหล่านี้จนทราบว่า มี นายวิชิต เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยก่อนถูกจับกุมนายวิชิต ร่วมกับ นายวิเชียร กองตุ้ย หรือ ไอ้ตัวเล็ก และ นายวัชรพล สมศักดิ์จิรกิจ ตระเวนดูรถตามใบสั่งจากลานจอดรถต่างๆ และได้ทำการลักรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำของกลาง ซึ่ง นายวัชรพล ทำการเปลี่ยนชิปและขับส่งไปให้ลูกค้า โดยมี นายวิชิต และ นายวิเชียรขับรถคุ้มกัน หลังจากตำรวจเข้าจับกุม นายวัชรพล นายวิชิต และ นายวิเชียร จึงหลบหนีไปซ่อนตัวบ้านเกิดเจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมตัวนายวิชิตได้ในเวลาต่อมา
จากการสอบปากคำ นายวิชิต สารภาพว่า ร่วมกับเพื่อนลักรถมาแล้วประมาณ 50 คัน ซึ่งตนเป็นผู้ลงมือลักรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ 7 คัน วีโก้ 5 คัน นิสสันบิ๊กเอ็ม 20 คัน และฟอร์ดอีก 3-4 คัน จากนั้นจะนำไปขายให้ นายเอนก ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ที่ จ.อุดรธานี เพื่อส่งไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อขายได้ นายเอนก ก็จะโอนเงินให้คันละประมาณ 3-6 หมื่นบาท ทั้งนี้ ยังเคยเป็นผู้รับซื้อรถยนต์ที่ลักมาด้วย อีก 10 คัน แล้วนำไปขายต่อได้คันละ 15,000 บาท
ด้าน น.ส.มัณฑนา นครอินทร์ ผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกลักรถไป กล่าวว่า หลังจากรถถูกขโมยได้พยายามติดตามรถจากระบบจีพีเอส จนทราบว่าคนร้ายขับรถไปทางมอเตอร์เวย์ จึงเร่งติดตามไป จนถึงบริเวณด่านธัญญบุรี จึงสั่งให้จีพีเอสตัดการจ่ายน้ำมันทำให้รถหยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าจับกุมนายวัชรพลได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ นายวิชิต ยังมีหมายจับของศาล จ.เพชรบูรณ์ อีก 3 หมาย โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรส่งตัวดำเนินคดีพร้อมขยายผลจับกลุ่มเพื่อนร่วมแก๊งที่อยู่ระหว่างการหลบหนีต่อไป
