เกิดเหตุพลิงไหม้คอนโดหรู “พาร์คเพลินจิต” ย่านสุขุมวิท เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลา 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เสียหายเพียงห้องเดียว พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย
วานนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.สันติ มีศิริ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในพาร์คเพลินจิต คอนโดมิเนียม เลขที่ 61 ซอยสุขุมวิท 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.ลุมพินี นายบัณฑิต วินิจฉัยกุล ผอ.เขตวัฒนา และ พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ รอง ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งประสานรถดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 5 คัน และรถกระเช้าอีก 1 คัน ไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียม สูง 19 ชั้น มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากชั้น 14 เจ้าหน้าที่ต้องอพยพคนลงมาจากอาคารอย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้พักอาศัยมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พร้อมสั่งการให้ปิดซอยสุขุมวิท 1 ทั้งซอย เนื่องจากเป็นซอยแคบ เพื่อให้รถดับเพลิงสามารถวิ่งเข้าไปได้สะดวก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถกระเช้าต่อขึ้นไปเพื่อทำการดับเพลิง พร้อมทั้งใช้เจ้าหน้าที่ผจญเพลิง นำสายยางและเครื่องปั๊มน้ำขนาดเล็กเดินเท้าขึ้นไปดับที่ห้องต้นเพลิง โดยใช้ประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นมีผู้ติดอยู่ภายในอาคารจำนวน 9 คน เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย มีคนไทย 2 คน และชาวต่างชาติ 1 คน ได้รับบาดเจ็บและสำลักควันไฟเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ และรพ.บำรุงราษฎร์
นายบัณฑิตเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า คอนโดมิเนียมดังกล่าวมีนายสุวิทย์ วิชาวุธ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของ ห้องต้นเพลิงมาจากชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องเก็บของ มีความกว้างประมาณ 25 ตารางเมตร เพลิงลุกไหม้จนไหม้จนได้รับความเสียหายทั้งห้อง ส่วนสาเหตุและมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถระบุได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากนี้จะทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาให้เข้ามาตรวจสอบโครงสร้างของอาคารว่าสามารถเปิดใช้ต่อไปได้หรือไม่ หากดูแล้วสภาพอาคารไม่ปลอดภัยก็จะระงับการใช้ไปก่อน แต่เท่าที่ตรวจสอบไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากห้องที่เกิดเพลิงไหม้เป็นห้องขนาดเล็ก และเพลิงไม่ได้ลุกลามไปจุดอื่น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำผู้ดูแลอาคารและผู้ที่พักอาศัยใกล้กับห้องต้นเพลิงไว้เป็นหลักฐานแล้ว หลังจากนี้จะเชิญตัวเจ้าของอาคารมาสอบปากคำ พร้อมทั้งรอผลการตรวจจาก พฐ.เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป