ตำรวจปคม.รวบ 2 แม่เล้าหลอกสาววัย 14 คนบ้านเดียวกัน อ้างจะพาไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร อ.สะเดา จ.สงขลา ที่แท้พาไปขายตัว พฤติกรรมสุดแสบยังหลอกแม่หญิงลาวกว่า 50 คนค้าประเวณีด้วย
วันนี้ ( 20 ก.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ธวัชชัย ธาระรูป ผกก.3 บก.ปคม. ร.ต.ท.เสรี ทวีทรัพย์ชวนัล รอง สว.ช่วยราชการ กก.3 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางเบญจวรรณ ฉายแพ้ว อายุ 32 ปี และนางประนอม โกฎิรักษ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514 และ 1515/2554 ลงวันที่ 16 กันยายน 2554 ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี และกักขัง หน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ด.ญ.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 14 ปีผู้เสียหาย และมารดา ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า ถูกผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ชักชวนให้ไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านซันไทม์บาร์ ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่กลับบังคับให้ค้าประเวณี ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.ปคม.จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการสืบสวนพบว่านอกจากผู้ต้องหาจะหลอกลวงหญิงสาวชาวไทยซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแล้ว ยังหลอกลวงหญิงสาวชาวลาวรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งมีคนที่เต็มใจไปค้าประเวณีที่ร้านดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย ส่วนร้านแห่งนี้พบข้อมูลว่ามีชายชาวสิงคโปร์เป็นเจ้าของ โดยมีภรรยาคนไทยเป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ก็มีหญิงสาวอีกรายที่เป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหายมาค้าประเวณี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับทั้ง 3 ราย ไว้แล้ว
สอบสวน นางเบญจวรรณ และ นางประนอม ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักกันเนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่ทราบว่าถูกศาลออกหมายจับเพราะทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่งไม่ได้คิดจะหลบหนีไปไหน เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดมากกว่า ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ ( 20 ก.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ธวัชชัย ธาระรูป ผกก.3 บก.ปคม. ร.ต.ท.เสรี ทวีทรัพย์ชวนัล รอง สว.ช่วยราชการ กก.3 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางเบญจวรรณ ฉายแพ้ว อายุ 32 ปี และนางประนอม โกฎิรักษ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514 และ 1515/2554 ลงวันที่ 16 กันยายน 2554 ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี และกักขัง หน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ด.ญ.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 14 ปีผู้เสียหาย และมารดา ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า ถูกผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ชักชวนให้ไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านซันไทม์บาร์ ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่กลับบังคับให้ค้าประเวณี ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.ปคม.จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการสืบสวนพบว่านอกจากผู้ต้องหาจะหลอกลวงหญิงสาวชาวไทยซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแล้ว ยังหลอกลวงหญิงสาวชาวลาวรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งมีคนที่เต็มใจไปค้าประเวณีที่ร้านดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย ส่วนร้านแห่งนี้พบข้อมูลว่ามีชายชาวสิงคโปร์เป็นเจ้าของ โดยมีภรรยาคนไทยเป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ก็มีหญิงสาวอีกรายที่เป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหายมาค้าประเวณี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับทั้ง 3 ราย ไว้แล้ว
สอบสวน นางเบญจวรรณ และ นางประนอม ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักกันเนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่ทราบว่าถูกศาลออกหมายจับเพราะทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่งไม่ได้คิดจะหลบหนีไปไหน เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดมากกว่า ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป