ชาวบ้านแจ้งตำรวจได้กลิ่นสาบศพจากข้างบ้าน เมื่อไปตรวจสอบพบโครงกระดูกนอนอยู่กลางบ้าน ถามเจ้าของบ้านบอกเป็นศพแม่ เมื่อตาย ไม่ได้แจ้งใคร ปล่อยให้นอนอยู่กลางบ้านมาถึง 3 ปี
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.หญิง ดรุณี ทัศนา พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นสาบศพโชยออกมาจากบ้านเลขที่ 46 ซอยอินทามระ15 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวครึ่งไม้ครึ่งปูนสภาพเก่าแก่ เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านผุพังและรกรุงรังเหมือนไม่มีคนอยู่อาศัย เจ้าหน้าที่จึงตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน จนกระทั่งนายประภัทร วงษ์สรรพ์ อายุ 55 ปี ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน พอสอบถามว่าอยู่กับใครนายประภัทรก็พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนคนมีอาการทางประสาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ก่อนเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ก็พบว่าภายในบ้านมีหนังสือและหยากไย่เต็มไปหมดทั้งชั้นล่างและชั้นบน โดยที่ห้องนอนชั้น2 พบโครงกระดูกมนุษย์ สวมเสื้อคอกระเช้าสีเขียวมีผ้าห่มปิดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี และไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกรื้อค้นแต่อย่างใด
เมื่อสอบสวนนายประภัทร ให้การว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นโครงกระดูกของ นางศรีสอาด วงษ์สรรพ์ อายุ 84 ปี มารดาตนเอง ที่อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ แต่นายศรีสอาดเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวมากว่า 3 ปีแล้ว ได้เก็บศพไว้ที่บ้าน ไม่ได้มีการแจ้งตาย ส่วนบ้านที่เห็นผุพังเพราะผู้เป็นพ่อสั่งไว้ไม่ให้ขาย จึงปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นโดยไม่ได้ทำอะไร ส่วนตนเองไม่ได้ทำงาน แต่ใช้เงินมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้มากว่า 30 ปีแล้ว
ด้านเพื่อนบ้านนายประภัทรให้การว่า ได้กลิ่นสาบศพมานานกว่า 1 เดือนแล้ว กระทั่งครั้งนี้ได้กลิ่นอีก จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ส่วนนายประภัทรนั้นไม่เคยออกมาสุงสิงกับใครและไม่มีใครรู้จัก นายประภัทรจะออกจากบ้านวันละครั้งตอนตีห้าเท่านั้นไม่รู้ไปทำอะไรและกลับเข้ามาตอนไหนไม่มีใครเห็น วันๆ จะอยู่แต่ในบ้านเหมือนเป็นคนเก็บกด ซึ่งเท่าที่ทราบนายประภัทรเหมือนถูกบังคับให้อยู่กับบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ไม่ให้ออกไปไหนมาไหน จนกลายเป็นคนเก็บกดเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครเช่นกัน
ด้าน พ.ต.ท.หญิง ดรุณี กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดต้องรอส่งศพชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจก่อน แต่เบื้องต้นทราบว่า ที่บ้านของนายประภัทรค่อนข้างมีฐานนะร่ำรวยมาก่อน โดยพ่อของนายประภัทรก่อนเสียชีวิตทำงานอยู่ที่ท่าเรือ ส่วนนางศรีสอาดมีอาชีพรับราชการ ทั้งคู่อยากให้นายประภัทรเรียนเก่งและโตขึ้นเป็นหมอ จึงให้ลูกอยู่แต่ในบ้านอ่านหนังสือทั้งวันไม่ให้ออกไปเล่นนอกบ้าน จนนายประภัทรเหมือนเป็นคนเก็บกด และมีอาการทางประสาทเล็กน้อย หลังจากนี้จะนำตัวนายประภัทรไปสอบสวนที่สน.บางซื่อ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะนำตัวไปตรวจสภาพจิตว่า มีอาการทางประสาทด้วยหรือไม่ต่อไป
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.หญิง ดรุณี ทัศนา พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นสาบศพโชยออกมาจากบ้านเลขที่ 46 ซอยอินทามระ15 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวครึ่งไม้ครึ่งปูนสภาพเก่าแก่ เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านผุพังและรกรุงรังเหมือนไม่มีคนอยู่อาศัย เจ้าหน้าที่จึงตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน จนกระทั่งนายประภัทร วงษ์สรรพ์ อายุ 55 ปี ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน พอสอบถามว่าอยู่กับใครนายประภัทรก็พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนคนมีอาการทางประสาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ก่อนเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ก็พบว่าภายในบ้านมีหนังสือและหยากไย่เต็มไปหมดทั้งชั้นล่างและชั้นบน โดยที่ห้องนอนชั้น2 พบโครงกระดูกมนุษย์ สวมเสื้อคอกระเช้าสีเขียวมีผ้าห่มปิดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี และไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกรื้อค้นแต่อย่างใด
เมื่อสอบสวนนายประภัทร ให้การว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นโครงกระดูกของ นางศรีสอาด วงษ์สรรพ์ อายุ 84 ปี มารดาตนเอง ที่อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ แต่นายศรีสอาดเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวมากว่า 3 ปีแล้ว ได้เก็บศพไว้ที่บ้าน ไม่ได้มีการแจ้งตาย ส่วนบ้านที่เห็นผุพังเพราะผู้เป็นพ่อสั่งไว้ไม่ให้ขาย จึงปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นโดยไม่ได้ทำอะไร ส่วนตนเองไม่ได้ทำงาน แต่ใช้เงินมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้มากว่า 30 ปีแล้ว
ด้านเพื่อนบ้านนายประภัทรให้การว่า ได้กลิ่นสาบศพมานานกว่า 1 เดือนแล้ว กระทั่งครั้งนี้ได้กลิ่นอีก จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ส่วนนายประภัทรนั้นไม่เคยออกมาสุงสิงกับใครและไม่มีใครรู้จัก นายประภัทรจะออกจากบ้านวันละครั้งตอนตีห้าเท่านั้นไม่รู้ไปทำอะไรและกลับเข้ามาตอนไหนไม่มีใครเห็น วันๆ จะอยู่แต่ในบ้านเหมือนเป็นคนเก็บกด ซึ่งเท่าที่ทราบนายประภัทรเหมือนถูกบังคับให้อยู่กับบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ไม่ให้ออกไปไหนมาไหน จนกลายเป็นคนเก็บกดเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครเช่นกัน
ด้าน พ.ต.ท.หญิง ดรุณี กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดต้องรอส่งศพชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจก่อน แต่เบื้องต้นทราบว่า ที่บ้านของนายประภัทรค่อนข้างมีฐานนะร่ำรวยมาก่อน โดยพ่อของนายประภัทรก่อนเสียชีวิตทำงานอยู่ที่ท่าเรือ ส่วนนางศรีสอาดมีอาชีพรับราชการ ทั้งคู่อยากให้นายประภัทรเรียนเก่งและโตขึ้นเป็นหมอ จึงให้ลูกอยู่แต่ในบ้านอ่านหนังสือทั้งวันไม่ให้ออกไปเล่นนอกบ้าน จนนายประภัทรเหมือนเป็นคนเก็บกด และมีอาการทางประสาทเล็กน้อย หลังจากนี้จะนำตัวนายประภัทรไปสอบสวนที่สน.บางซื่อ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะนำตัวไปตรวจสภาพจิตว่า มีอาการทางประสาทด้วยหรือไม่ต่อไป
