กองปราบตามรวบตัว “ปราโมทย์ นาครทรรพ” นักวิชาการอิสระ และแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงบ้านพัก ย่านจังหวัดนนท์ ในคดีชุมนุมหน้าสนามบิน เจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อหา ด้าน “สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ระบุ การดำเนินคดีจะเป็นแนวทางเดียวกับผู้ต้องหาทั้งหมดก่อนหน้านี้ และพร้อมให้ประกันตัว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ กองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามควบคุมตัว นายปราโมทย์ นาครทรรพ อายุ 73 ปี นักวิชาการอิสระ และแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2384/2553 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2553 ในคดีร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง มาสอบสวน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี นำหมายศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 1639/2554 เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 614 ถนนสามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี และจับกุมดังกล่าว
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาและมีการจับกุม ส่วนการเข้ามอบตัวของผู้ต้องหาส่วนใหญ่นั้นได้สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการไปแล้วก่อนหน้านี้ ในส่วนของ นายปราโมทย์ เป็นผู้ต้องที่ทราบชื่อและนามสกุลเพียงรายเดียว ยกเว้น นายวีระ สมความคิด ซึ่งยังคงรับโทษอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ที่ยังไม่ถูกจับกุม ในวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมนายปราโมทย์ ได้ที่บ้านพักดังกล่าว
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบสวนดำเนินคดีคงเป็นไปในแนวทางเดียวกับผู้ต้องหาทั้งหมดก่อนหน้านี้ โดยเบื้องต้น นายปราโมทย์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และมีความประสงค์จะขอยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน ซึ่งกรณีนี้ทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาตามขั้นตอน และคงอนุญาตให้ประกันตัวได้ เนื่องจากท่านก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง รวมทั้งมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกตามที่ นายปราโมทย์ ต้องการเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือในคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบชื่อเล่น กับภาพถ่ายที่มีเพื่อสืบหาเชื่อ-นามสกุลจริง ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับข้อหาของ นายปราโมทย์ ประกอบด้วย 1.มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 2.ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งของผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3.ทำลายหรือทำให้เสียหายต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยาน หรือทำให้การบริการหยุดชะงัก 4.กระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตราย และ 5.กระทำการด้วยประการใดๆ ให้การสื่อสารสาธารณะทางไปรษณีย์ขัดข้อง โดยไม่มีข้อหาก่อการร้าย
ต่อมา นายปราโมชย์ ได้ยื่นเงินสดจำนวน 3 แสนบาทเพื่อขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ประกันตัวออกไป