กองปราบตามรวบ พนง.สาวร้านเน็ตโพสต์ภาพ นศ.สาววัย 18 ขายตัวลงเฟซบุ๊ก หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างเป็นแค่ผู้ดูแลร้าน บอกลูกค้าชายวัย 17 เป็นมือโพสต์
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.แถลงข่าวจับกุม น.ส.นิภาพร จันทร์ยางช่อง อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.987/2554 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จับกุมได้ที่หน้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เลขที่ 71/2 ถนนหลังสวน ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.ฝน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป.ว่า ระหว่างวันที่ 14-15 กรกฎาคม 2554 ถูกผู้ไม่หวังดี นำชื่อ-สกุล รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัว ไปโพสต์ลงในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง “เฟซบุ๊ก” (www.facebook.com) และลงข้อความว่าต้องการเสนอขายบริการทางเพศ พร้อมกับให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อไว้ด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นความเท็จทำให้ได้รับความเสียหาย และนับตั้งแต่ถูกนำข้อมูลทั้งหมดเผยแพร่ทางเว็บไซต์ดังกล่าวก็มีผู้โทรศัพท์มาสอบถามเป็นจำนวนมากจนสร้างความเดือดร้อนรำคาญและได้รับผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นที่เครื่องคอมพิวเตอร์ภายในร้านอินเตอร์เน็ตดังกล่าว จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนขออนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ในที่สุด
ขณะที่ น.ส.นิภาพรให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ตนมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลร้านอินเตอร์เน็ตที่เกิดเหตุเท่านั้น และไม่ได้รู้จักกับผู้เสียหาย เหตุที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าไม่ได้ลงมือกระทำความผิดหรือมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่เป็นคนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้นเป็นชายวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุ 17 ปี ซึ่งมีความสนิทสนมกันเนื่องจากมาใช้บริการที่ร้านอยู่เป็นประจำ โดยชายคนนี้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศและอาจจะมีเจตนาต้องการกลั่นแกล้งกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดตามที่ผู้ต้องหามีการกล่าวอ้าง โดยพนักงานสอบสวนยืนยันว่าคดีนี้พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย