ศุลกากรจับ3หนุ่มอิหร่าน หอบยาไอซ์หนัก 3,730 กรัม มูลค่า 13.05 ล้านบาท เข้าไทย เตรียมนำไปพักยังย่านสุขุมวิท เพื่อส่งต่ออีกทอด แต่ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมได้ก่อน
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กรมศุลกากร นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายเสรี ไทยจงรักษ์ แถลงการจับกุมนายมิสบันกู มอร์เทซา อายุ 28 ปี นายราเฮมี โตโรกี้ แดเนียล อายุ 26 ปี ทั้งสองคนสัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักรวม 3,730 กรัม มูลค่า 13.05 ล้านบาท กระเป๋าเดินทางจำนวน 2 ใบ โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
นายประสงค์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคนได้โดยสารสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ จากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (30 ส.ค.) จากนั้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม 1 สำนักสืบสวนปราบปรามได้สังเกตเห็นว่าบริเวณขอบด้านข้างกระเป๋าเดินทางของผู้ต้องหาทั้งสองคนมีลักษณะหนาผิดปกติ จึงถอดสกรูก้นกระเป๋าออกตรวจสอบ ก็ปรากฏว่า มียาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าของนายมิสบันกู จำนวน 1,925 กรัม และอยู่ในกระเป๋าของนายราเฮมี จำนวน 1,805 กรัม จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนยาไอซ์เข้ามาในประเทศไทย โดยเมื่อเดินทางมาถึงก็ให้นำไปส่งไว้ที่โรงแรมในซอยสุขุมวิท 55 จากนั้นก็จะมีคนมารับยาไอซ์ทั้งหมดไปอีกทอดหนึ่ง โดยได้รับค่าจ้างคนละ 500 เหรียญสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากจำนวนเงินค่าจ้างนั้นน้อยผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป
ส่วนผู้ต้องหาอีกราย คือ นายอาเดล ราเซาลี เยนกิกานด อายุ 28 ปี สัญชาติอิหร่าน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันยังสามารถจับกุมตัว หลังจากเจ้าตัวเดินทางด้วยสายการบินมาฮาน แอร์ จากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ แสดงอาการพิรุธ จึงนำตัวมาเอกซเรย์ ก็พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในช่องท้อง เจ้าหน้าที่จึงให้ถ่ายออกมาก็ปรากฏว่า เป็นยาไอซ์จำนวน 30 ก้อน เบื้องต้นนายอาเดล รับว่ากลืนลงท้องมาทั้งหมด 120 ก้อน จึงเตรียมให้ถ่ายออกมาจนหมด แล้วทำการสอบปากคำ ก่อนส่งตัวให้ บช.ปส.ดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน