รวบสองคู่หูควบ จยย.ตระเวนทุบกระจกรถลักทรัพย์ สารภาพจะใช้ไขควงปากแบนแทงไปที่ขอบกระจกรถแล้วงัดออก จะเลือกรถไม่มีสัญญาณกันขโมย ทำตอนดึกช่วงฝนตก แล้วนำของไปขายตลาดกลางคืนปัฐวิกรณ์ ได้เงินมาใช้เที่ยวเตร่
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.สุเทพ ภูยานนท์ ผกก.สน.บึงกุ่ม พ.ต.ท.เกณฑ์ชยะ สกลชัย สว.สส.สนบึงกุ่ม ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.บึงกุ่ม แถลงการจับกุม นายนัฐวุฒิ หรือ เอ้ คุ้มภักดี อายุ 22 ปี และ นายเอกภพ หรือ นะ จิราพงษ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตระเวนทุบกระจกรถยนต์ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง เครื่องเล่นดีวีดี 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงกว่า 20 ใบ นาฬิกาข้อมือ 5 เรือน พระเครื่องจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 2 กระบอก และรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ สีฟ้า-ขาว ทะเบียน ยขฉ 909 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า โซนิค สีดำ-ขาว ทะเบียน ยกข 954 กรุงเทพมหานคร และอุปกรณ์งัดแงะอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่เป็นแก๊งทุบกระจกรถยนต์ โดยจะออกตระเวนขี่รถ จยย.ของกลางทุบกระจกรถยนต์ในพื้นที่ บก.น.4 บก.น.2 ไปจนถึงพื้นที่ สน.บางนา สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก ซึ่งชุดสืบสวน สน.บึงกุ่ม ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของทั้งคู่ จนรู้ว่าทั้งคู่พักอยู่ที่ห้องเลขที่ 402 ธาราสวรรค์เพลส ซอยนวมินทร์ 74 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ร่วมกันก่อเหตุจริง โดย นายนัฐวุฒิ ให้การว่า ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี เนื่องจากไม่มีงานทำ จึงชวน นายเอกภพ ออกมาทุบกระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางด้วยกัน โดย นายเอกภพ จะเป็นคนส่องไฟฉาย ส่วนตนจะเป็นคนงัดโดยใช้ไขควงปากแบนแทงเข้าไปที่ขอบกระจกรถแล้วงัดกระจกออก เพื่อไม่ให้สัญญาณกันขโมยดัง และส่วนใหญ่จะเลือกรถที่ไม่มีสัญญาณกันขโมย โดยดูจากแสงไฟกะพริบภายในรถ ถ้ามีแสงไฟก็แสดงว่ารถคันนั้นมีสัญญาณกันขโมย ส่วนปืนได้ซื้อต่อมาจากเพื่อนในราคา 8,000 บาท เพื่อเตรียมจะไปขายต่อเอากำไรอีกทอด ส่วนปืนอีกกระบอกได้มาจากการทุบกระจกรถยนต์ย่านพระราม 5 ซึ่งทรัพย์สินที่ได้มาจะเอาไปขายที่ตลาดปัฐวิกรณ์ตอนกลางคืน แล้วเอาเงินไปเที่ยวเตร่พอเงินหมดก็ออกตระเวนทุบกระจกรถต่อ และจะทำตอนดึกหรือช่วงที่ฝนตก เพราะจะปลอดคนและทำได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ใครที่สงสัยว่าเคยถูกผู้ต้องหาดังกล่าวทุบกระจกรถ ก็สามารติดต่อขอดูของกลางได้ที่ สน.บึงกุ่ม และหลังจากนี้ จะประสานไปยังพื้นที่ที่คนร้ายเคยเข้าไปก่อเหตุ เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหามาดูของกลางด้วย จากนั้นจึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.สุเทพ ภูยานนท์ ผกก.สน.บึงกุ่ม พ.ต.ท.เกณฑ์ชยะ สกลชัย สว.สส.สนบึงกุ่ม ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.บึงกุ่ม แถลงการจับกุม นายนัฐวุฒิ หรือ เอ้ คุ้มภักดี อายุ 22 ปี และ นายเอกภพ หรือ นะ จิราพงษ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตระเวนทุบกระจกรถยนต์ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง เครื่องเล่นดีวีดี 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงกว่า 20 ใบ นาฬิกาข้อมือ 5 เรือน พระเครื่องจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 2 กระบอก และรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ สีฟ้า-ขาว ทะเบียน ยขฉ 909 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า โซนิค สีดำ-ขาว ทะเบียน ยกข 954 กรุงเทพมหานคร และอุปกรณ์งัดแงะอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่เป็นแก๊งทุบกระจกรถยนต์ โดยจะออกตระเวนขี่รถ จยย.ของกลางทุบกระจกรถยนต์ในพื้นที่ บก.น.4 บก.น.2 ไปจนถึงพื้นที่ สน.บางนา สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก ซึ่งชุดสืบสวน สน.บึงกุ่ม ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของทั้งคู่ จนรู้ว่าทั้งคู่พักอยู่ที่ห้องเลขที่ 402 ธาราสวรรค์เพลส ซอยนวมินทร์ 74 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ร่วมกันก่อเหตุจริง โดย นายนัฐวุฒิ ให้การว่า ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี เนื่องจากไม่มีงานทำ จึงชวน นายเอกภพ ออกมาทุบกระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางด้วยกัน โดย นายเอกภพ จะเป็นคนส่องไฟฉาย ส่วนตนจะเป็นคนงัดโดยใช้ไขควงปากแบนแทงเข้าไปที่ขอบกระจกรถแล้วงัดกระจกออก เพื่อไม่ให้สัญญาณกันขโมยดัง และส่วนใหญ่จะเลือกรถที่ไม่มีสัญญาณกันขโมย โดยดูจากแสงไฟกะพริบภายในรถ ถ้ามีแสงไฟก็แสดงว่ารถคันนั้นมีสัญญาณกันขโมย ส่วนปืนได้ซื้อต่อมาจากเพื่อนในราคา 8,000 บาท เพื่อเตรียมจะไปขายต่อเอากำไรอีกทอด ส่วนปืนอีกกระบอกได้มาจากการทุบกระจกรถยนต์ย่านพระราม 5 ซึ่งทรัพย์สินที่ได้มาจะเอาไปขายที่ตลาดปัฐวิกรณ์ตอนกลางคืน แล้วเอาเงินไปเที่ยวเตร่พอเงินหมดก็ออกตระเวนทุบกระจกรถต่อ และจะทำตอนดึกหรือช่วงที่ฝนตก เพราะจะปลอดคนและทำได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ใครที่สงสัยว่าเคยถูกผู้ต้องหาดังกล่าวทุบกระจกรถ ก็สามารติดต่อขอดูของกลางได้ที่ สน.บึงกุ่ม และหลังจากนี้ จะประสานไปยังพื้นที่ที่คนร้ายเคยเข้าไปก่อเหตุ เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหามาดูของกลางด้วย จากนั้นจึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ดำเนินคดีต่อไป
