ตีนแมวติดใจดอดขึ้นร้าน “ปุ้ย พิมลวรรณ” รอบที่ 4 รื้อค้นทรัพย์สินฉกเงิน 20 กว่าบาทกับโมเดลทหารหนีหาย แต่ก่อนกลับปีนอาคารที่ติดกับร้านพิธีกรชื่อดัง 2 หลังติด โดยหลังแรกคนร้ายเข้าไปขโมยกินน้ำเย็นและน้ำผลไม้ ก่อนเข้าไปลักทรัพย์อีกบริษัทของนักแสดงรุ่นเก่าขโมยทีวี-พระเครื่อง 10 องค์ มูลค่าเกือบแสนบาท ด้านพิธีกรชื่อดังถึงกับจุกถูกโจรขึ้นเป็นรอบที่ 4 หลังก่อนหน้านี้เพิ่งถูกโจรขึ้นรอบ 3 เพียง 4 วันเท่านั้น
วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.ภิเษก บุญจันทร์ สวส.สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุคนร้ายลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 99/2 หมู่ 9 ถ.เกษตร-นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.จุมพล สินศิริพงษ์ สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้นอยู่ติดกัน 6 คูหา จุดเกิดเหตุพบว่าเป็นร้านของบริษัท ชัช นักเก็ต จำกัดของ ปุ้ย-พิมลวรรณ หุ่นทองคำ พิธีกรสาวรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง มีนายชัชพงศ์ หุ่นทองคำ สามียืนรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่อยู่ ภายในพบร่องรอยรื้อค้น ทรัพย์สินที่สูญหายมีเงินเหรียญประมาณ 20 กว่าบาท ตุ๊กตาโมเดลทหาร 3 ตัว กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ สอบสวน น.ส.โศภน สุวรรณปาล หัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทให้การว่า ตนมาเปิดร้านตอนช่วงเวลา 08.40 น. เห็นเจ้าหน้าที่มาที่จุดเกิดเหตุแต่ยังไม่คิดอะไร เมื่อเปิดร้านพบเห็นร่องรอยรื้อค้น จึงทราบว่ามีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เป็นครั้งที่ 4 ห่างจากครั้งที่ 3 ซึ่งเกิดเหตุเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากอาคารพาณิชย์ของปุ้ย-พิมลวรรณแล้ว ยังพบว่าอาคารพาณิชย์อีก 2 หลังติดกันยังถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์อีกด้วย โดยอาคารหลังแรกเลขที่ 99/3 ของบริษัท Betoli Agrinutrition (siam) co,ltd ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าอาหารสัตว์ มี น.ส.ญาณิศา แก้วลังกา อายุ 30 ปีเป็นเจ้าของถูกคนร้ายงัดเข้าทางช่องระบายอากาศของห้องน้ำชั้นลอยเชื่อมระหว่างชั้น 1 กับชั้น 2 โดยคนร้ายเข้ามาเปิดตู้เย็นดื่มน้ำผลไม้กระป๋องและน้ำเย็น ก่อนวางไว้ที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 สอบสวนเบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินสูญหาย โดย น.ส.ญาณิศาให้การว่า ช่วงเวลา 08.00 น.ตนมาเปิดร้านแล้วขึ้นไปที่ชั้น 2 เห็นกระป๋องน้ำผลไม้วางทิ้งไว้จึงรู้ตัวว่าถูกคนร้ายเข้ามาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ส่วนอีกหลังอาคารพาณิชย์เลขที่ 99/4 ซึ่งอยู่ถัดออกไปและอยู่ติดกับอาคารพาณิชย์ของพิธีกรหญิง โดยอาคารหลังดังกล่าวเป็นบริษัทสมุนไพรของนายภาค ภัทรพงศ์ อายุ 65 ปี นักแสดงรุ่นเก่า คนร้ายเข้ามาทางช่องระบายอากาศของห้องน้ำเช่นเดียวกับหลังแรก ก่อนจะกวาดทรัพย์สินเป็นโทรทัศน์ขนาด 25 นิ้ว พระเครื่องจำนวน 10 องค์ มูลค่าเกือบแสนกว่าบาทจากนั้นคนร้ายได้เปิดประตูสไลด์ชั้น 2 เพื่อออกมาตรงกันสาดแล้วเดินข้ามไปร้านของปุ้ย-พิมลวรรณ
พ.ต.อ.ศราวุธกล่าวว่า คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ตึก 3 ตึกติดกัน โดยอาคารของปุ้ยนั้นบริเวณประตูสไลด์ชั้น 2 ตัวล็อกใช้การไม่ได้ คนร้ายเปิดออกมาได้โดยไม่ต้องงัดแงะ ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่มีการปรับแผนการตรวจตู้แดงให้เป็นจุดหลัก และให้แขวงการทางมาติดไฟให้ส่องสว่าง นอกจากนี้ยังมีการปรับต้นไม้หน้าอาคารไม่ให้บังภูมิทัศน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ออกตรวจเห็นอาคารได้จากระยะไกล
พ.ต.อ.ศราวุธกล่าวต่อว่า คนร้ายเข้ามาก่อเหตุช่วงเวลา 02.50 น.ถึง 03.10 น. โดยกล้องวงจรปิดของบริษัทปุ้ยจับภาพไว้ได้ เป็นผู้ชายสวมหมวกแก๊ปและคาดผ้าปิดหน้า รูปร่างเหมือนกับคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบว่าอาคารหลังแรกที่คนร้ายเข้าไปมีร่องรอยไม่ตรงกับอาคารที่ 2 และอาคารที่ 3 จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมี 2 คน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 22 ส.ค.โดยไม่ได้พักผ่อน แต่ครั้งนี้ต้องจับให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน เพราะคนร้ายกล้าขนาดนี้ต้องจับให้ได้เร็วที่สุด
ด้าน ปุ้ย-พิมลวรรณ กล่าวว่า ตอนทราบข่าวครั้งแรกถึงกับจุก พบว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ ทั้งที่ตนได้ดูแลอย่างเต็มที่ ทำตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่แล้ว ซึ่งช่วงตี 3 ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังมาตรวจที่บ้าน แต่คนร้ายเข้าทางด้านหลัง เรื่องนี้ตนเห็นใจทุกฝ่าย ตอนนี้ตนมีความคิดที่จะย้ายออกไป อย่างไรก็ตาม ไปอยู่ที่ใหม่ก็ไม่ได้การันตีความปลอดภัย อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชนทั่วไปว่าให้ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ตอนนี้ตนรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก