รวบ 2 สาวใหญ่ค้ายาเสียสาว หรือยากล่อมประสาท ยึดกว่า 2 แสนเม็ด มูลค่า 4.5 ล้านบาท สารภาพนำเข้าจากปากีสถาน แล้วนำมาเก็บไว้คอนโดฯ ย่านตลิ่งชัน ก่อนระบายออกขายให้ลูกค้าวัยรุ่นตามสถานบันเทิง
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 แถลงการจับกุม นางสุชิราภรณ์ สว่างแจ้ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.และ นางวิชชุดา สว่างแจ้ง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/30 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.พร้อมของกลางยากล่อมประสาท (Zolpidem) จำนวน 14,000 เม็ด ยากล่อมประสาท (Rivotril) จำนวน 29,5000 เม็ด ยากล่อมประสาท (Xanax) จำนวน 10,020 เม็ด และยากล่อมประสาท (Valium) จำนวน 220,190 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม.เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.ปรีชา กองแก้ว รองผกก.จร.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ สว.สส.สน.ตลิ่งชัน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สืบทราบว่า มีการลักลอบจำหน่ายยากล่อมประสาท ให้กับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งนิยมซื้อไปใช้และเรียกกันติดปากว่า “ยาเสียสาว” โดยนำยามาพักไว้ที่ห้องพักภายใน ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม เพื่อรอจำหน่ายกับให้ลูกค้า จึงได้วางกำลังซุ่มสังเกตการณ์ กระทั่งพบนางสุชิราภรณ์ และ นางวิชชุดา ถือกล่องกระดาษยกใส่รถเก๋งส่วนบุคคลมีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น จึงพบยากล่อมประสาทบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นางสุชิราภรณ์ ไปตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 594/87 ชั้น อาคาร 5 และพบยากล่อมประสาทจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่ายากล่อมประสาททั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน โดยมาพักไว้ในห้องพักดังกล่าว เพื่อรอจำหน่ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นตามสถานบันเทิง เบื้องต้นแจ้งข้อหาข้อหา ขาย นำเข้าวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขาย นำเข้า วัตถุออกฤทธิ์ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และมีไว้ ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใดๆ ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2 และ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 แถลงการจับกุม นางสุชิราภรณ์ สว่างแจ้ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.และ นางวิชชุดา สว่างแจ้ง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/30 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.พร้อมของกลางยากล่อมประสาท (Zolpidem) จำนวน 14,000 เม็ด ยากล่อมประสาท (Rivotril) จำนวน 29,5000 เม็ด ยากล่อมประสาท (Xanax) จำนวน 10,020 เม็ด และยากล่อมประสาท (Valium) จำนวน 220,190 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม.เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.ปรีชา กองแก้ว รองผกก.จร.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ สว.สส.สน.ตลิ่งชัน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สืบทราบว่า มีการลักลอบจำหน่ายยากล่อมประสาท ให้กับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งนิยมซื้อไปใช้และเรียกกันติดปากว่า “ยาเสียสาว” โดยนำยามาพักไว้ที่ห้องพักภายใน ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม เพื่อรอจำหน่ายกับให้ลูกค้า จึงได้วางกำลังซุ่มสังเกตการณ์ กระทั่งพบนางสุชิราภรณ์ และ นางวิชชุดา ถือกล่องกระดาษยกใส่รถเก๋งส่วนบุคคลมีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น จึงพบยากล่อมประสาทบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นางสุชิราภรณ์ ไปตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 594/87 ชั้น อาคาร 5 และพบยากล่อมประสาทจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่ายากล่อมประสาททั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน โดยมาพักไว้ในห้องพักดังกล่าว เพื่อรอจำหน่ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นตามสถานบันเทิง เบื้องต้นแจ้งข้อหาข้อหา ขาย นำเข้าวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขาย นำเข้า วัตถุออกฤทธิ์ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และมีไว้ ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใดๆ ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2 และ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
