เพียง 43 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมือปราบ นำโดย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บชน. พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รองผบก.สส.บชน. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บชน. พ.ต.ท.สมบูรณ์ และ ร.ต.อ.วันเฉลิม สีอ่อน รองสว.บชน. ก็สามารถนำกำลังเข้าจับกุม "นายภัคคพงศ์ ดินม่วง" (แจ็ค) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง ด.ต.ชูกิจ เจริญธนารักษ์ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.หนองแขม เสียชีวิต และจ.ส.ต.ประเสริฐ กล่ำศรี เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.หนองแขม บาดเจ็บ โดยเหตุเกิดหน้าร้านศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ ใกล้ปากซอยถนนเพชรเกษม 81 เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ที่อาคารไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์ ย่านห้วยขวาง เมื่อ 18 ส.ค.
โดยจากการตรวจค้นห้องพักย่านศรีนครินทร์ของ "ไอ้แจ็ค ภัคคพงศ์ ดินม่วง" มือยิงสายตรวจหนองแขม พบเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก รวมทั้งแผนที่ตารางรายชื่อรถขนเงินของบริษัท และธนาคารต่าง ๆ ที่ผู้ต้องหาเขียนด้วยลายมือแปะไว้เต็มข้างฝาห้อง โดยอ้างว่าเป็นรายชื่อที่เก็บไว้ เพื่อจะลงมือก่อเหตุปล้นรถขนเงิน ซึ่ง"ไอ้แจ็ค" สารภาพว่า กระสุนปืนที่จะใช้ก่อเหตุอาชญากรรม จะต้องนำไปชุบยาฆ่าแมลงทุกลูก เพื่อให้เหยื่อถึงแก่ชีวิต โดยการกระทำดังกล่าวได้ทำเลียนแบบจากหนังเรื่อง "เดอะทาวน์" หรือหนังเรื่อง "ปิดเมืองปล้น" ที่ได้ดูมาจากอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม วันเกิดเหตุก่อนหน้าจะยิงสายตรวจหนองแขม 2 นาย "ไอ้แจ็ค" บอกว่า ในเวลาประมาณ 03.30 น.ได้กลับจากร้านไม้เอก เลียบทางด่วนรามอินทรา พร้อม "นายวสุ หรือ จอย ปริยพาณิชย์" โดย นายวสุ เป็นคนขับรถฮอนด้า แอคคอร์ด ทะเบียน พฮ 3916 กทม. ซึ่งเมื่อผ่านมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ลงจากรถข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม เพื่อเตรียมจะเข้าลักทรัพย์ที่ "บริษัท ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ" แต่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ขอเข้าตรวจค้นตัวก่อน โดยจังหวะนั้นคิดอยู่ในใจเสมอว่า ตัวเองมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนติดตัวอยู่ที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อปี 2553 ซึ่งศาลจังหวัดนครปฐมได้ตัดสินรอลงอาญา 2 ปี ดังนั้น จึงคิดว่าถ้าให้ตรวจค้นตัวจะต้องถูกจับและถูกเพิ่มโทษแน่นอน จึงตัดสินใจยิงปืนออโตเมติก 11 มม. ที่พกติดตัวใส่ตำรวจทั้ง 2 นาย จากนั้นได้โทรศัพท์เรียกให้ "นายวสุ ปริยพาณิชย์" เพื่อน ที่อยู่ในรถขับมารับหลบหนีทันที
ในวันเกิดเหตุ "พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา" รองผบ.ตร. ได้นำทีมฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ ตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงสายตรวจหนองแขม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายอาจรู้ว่าตำรวจทั้ง 2 นาย ต้องมาเซ็นตู้แดงใกล้ที่เกิดเหตุเลยมาดักซุ่มยิง ซึ่งต่อมาทีมสืบสวนได้นำภาพผู้ต้องสงสัย 4 ราย ให้ "จ.ส.ต.ประเสริฐ กล่ำศรี" เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.หนองแขม ที่พักรักษาตัวหลังได้รับบาดเจ็บ ชี้รูป แต่ "จ.ส.ต.ประเสริฐ" ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนไม่ใช่คนยิง
แม้ว่าทิศทางแนวทางการสืบสวนสอบสวนยังคงต้องงมเข็มในมหาสมุทร แต่ทีมสืบสวนก็ไม่ย่อท้อยังคงดำเนินการสืบสวนต่อไป ซึ่งหลังเกิดเหตุเพียง 1 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหนองแขม ได้รับแจ้งว่า ช่วงกลางดึกประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง 2 นาย จะถูกยิงจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ นั้น มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ตำรวจในเครื่องแบบชกต่อยกับผู้ต้องสงสัยบริเวณลานกว้างตรงข้ามกับร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างด้านหลังศูนย์การค้าหนองแขม ซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยเพชรเกษม 81 ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ได้พบกับนายลอ เจริญสุข อายุ 78 ปี คนเก็บของเก่า ซึ่งปลูกเพิงพักอยู่ในลานกว้างดังกล่าว เล่าว่าเหตุการณ์ตำรวจชกต่อยกับผู้ต้องสงสัยมีอยู่จริง โดยเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคนเก็บของเก่า บอกว่า ได้เห็นตำรวจในเครื่องแบบ 1 นาย กำลังชกต่อยชุลมุนกับผู้ต้องสงสัยชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสูงท้วม ผิวเนื้อดำแดง ตัดผมสั้นเกรียน สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าผ้าใบคล้ายคนเพิ่งกลับจากออกกำลังกาย โดยทั้ง 2 ฝ่าย ชกต่อยกันตัวต่อตัวและมีชายแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2 คน ยืนคุมเชิงอยู่ แต่ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายนัก โดยเมื่อแยกย้ายกันแล้ว ตำรวจคนดังกล่าวกับชายที่มาด้วยกันอีก 2 คน ก็ขึ้นรถ จยย. 2 คัน พากันขับขี่ออกไป แต่คนขายของเก่า ไม่ได้ยืนยันว่า จะใช่ ด.ต.ชูกิจ หรือ จ.ส.ต.ประเสริฐ ที่ถูกคนร้ายยิงจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เพราะไม่เคยรู้จัก หรือเห็นหน้ากันมาก่อน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย แต่ "พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ตั้งปรัชญากูล" รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม ยืนยันว่า ตำรวจทั้ง 2 นาย ไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร และไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้มาก่อน โดยไม่เชื่อว่าจะเป็นบุคคลทั้งสอง เนื่องจากตำรวจทั้ง 2 นาย เป็นคนมีอัธยาศัยดีมวลชนในพื้นที่ก็รักใคร่ เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาก็รักใคร่ดี พร้อมกับเปิดเผยว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในคดีมากนัก แต่ทั้งนี้ ชุดทำงานจะมุ่งเป้าไปที่คนร้ายรายสำคัญที่อาจมีประวัติพัวพันกับกลุ่มมือปืนรับจ้าง โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐานไปได้มากพอสมควรแล้ว ซึ่งหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงก็ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้
ถัดมาอีก 3 วัน การติดตามไล่ล่าคนร้ายยิง 2 สายตรวจหนองแขม ยังคงรุดหน้าต่อไป แม้ว่าพยานหลักฐานจะยังน้อยอยู่ก็ตาม โดย "พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา" รองผบ.ตร. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ขณะที่ "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ผบ.ตร.ได้กำชับให้ติดตามคนร้ายให้ได้
เวลาผ่านไปกว่าเดือน ในวันที่ 18 ก.ค. "พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์" รองผบช.น. ออกมาให้ข่าวกับสื่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในช่วงเช้ามืด ส่งผลให้พยานหลักฐานต่างๆ มีไม่มาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการเรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อปรับแผนการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ "พ.ต.อ.จุมพล จงพาณิชย์กุญชร" รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า การรักษาอาการบาดเจ็บของ "จ.ส.ต.ประเสริฐ กล่ำศรี" ขณะนี้อาการทั่วไปยังคงที่ คนไข้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
อย่างไรก็ดี แม้หลักฐานที่รวบรวบได้จะมีน้อย และในหลักฐานรายละเอียดบางอย่างจะเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนไม่ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลเชิงลึกตามแนวทางสืบสวนสอบสวน แต่ในที่สุดทีมสืบสวนภายใต้การนำของ "พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ" ผบก.สส.บชน. ก็สามารถรวบรวมหลักฐานจนนำไปสู่การเข้าจับกุม "ไอ้แจ็ค ภัคคพงศ์ ดินม่วง" มือยิงสายตรวจหนองแขมได้ในวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งทีมสืบสวนใช้เวลาเพียงเดือนครึ่งเท่านั้นก็สามารถปิดคดีได้อย่างง่ายดาย!


โดยจากการตรวจค้นห้องพักย่านศรีนครินทร์ของ "ไอ้แจ็ค ภัคคพงศ์ ดินม่วง" มือยิงสายตรวจหนองแขม พบเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก รวมทั้งแผนที่ตารางรายชื่อรถขนเงินของบริษัท และธนาคารต่าง ๆ ที่ผู้ต้องหาเขียนด้วยลายมือแปะไว้เต็มข้างฝาห้อง โดยอ้างว่าเป็นรายชื่อที่เก็บไว้ เพื่อจะลงมือก่อเหตุปล้นรถขนเงิน ซึ่ง"ไอ้แจ็ค" สารภาพว่า กระสุนปืนที่จะใช้ก่อเหตุอาชญากรรม จะต้องนำไปชุบยาฆ่าแมลงทุกลูก เพื่อให้เหยื่อถึงแก่ชีวิต โดยการกระทำดังกล่าวได้ทำเลียนแบบจากหนังเรื่อง "เดอะทาวน์" หรือหนังเรื่อง "ปิดเมืองปล้น" ที่ได้ดูมาจากอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม วันเกิดเหตุก่อนหน้าจะยิงสายตรวจหนองแขม 2 นาย "ไอ้แจ็ค" บอกว่า ในเวลาประมาณ 03.30 น.ได้กลับจากร้านไม้เอก เลียบทางด่วนรามอินทรา พร้อม "นายวสุ หรือ จอย ปริยพาณิชย์" โดย นายวสุ เป็นคนขับรถฮอนด้า แอคคอร์ด ทะเบียน พฮ 3916 กทม. ซึ่งเมื่อผ่านมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ลงจากรถข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม เพื่อเตรียมจะเข้าลักทรัพย์ที่ "บริษัท ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ" แต่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ขอเข้าตรวจค้นตัวก่อน โดยจังหวะนั้นคิดอยู่ในใจเสมอว่า ตัวเองมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนติดตัวอยู่ที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อปี 2553 ซึ่งศาลจังหวัดนครปฐมได้ตัดสินรอลงอาญา 2 ปี ดังนั้น จึงคิดว่าถ้าให้ตรวจค้นตัวจะต้องถูกจับและถูกเพิ่มโทษแน่นอน จึงตัดสินใจยิงปืนออโตเมติก 11 มม. ที่พกติดตัวใส่ตำรวจทั้ง 2 นาย จากนั้นได้โทรศัพท์เรียกให้ "นายวสุ ปริยพาณิชย์" เพื่อน ที่อยู่ในรถขับมารับหลบหนีทันที
ในวันเกิดเหตุ "พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา" รองผบ.ตร. ได้นำทีมฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ ตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงสายตรวจหนองแขม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายอาจรู้ว่าตำรวจทั้ง 2 นาย ต้องมาเซ็นตู้แดงใกล้ที่เกิดเหตุเลยมาดักซุ่มยิง ซึ่งต่อมาทีมสืบสวนได้นำภาพผู้ต้องสงสัย 4 ราย ให้ "จ.ส.ต.ประเสริฐ กล่ำศรี" เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.หนองแขม ที่พักรักษาตัวหลังได้รับบาดเจ็บ ชี้รูป แต่ "จ.ส.ต.ประเสริฐ" ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนไม่ใช่คนยิง
แม้ว่าทิศทางแนวทางการสืบสวนสอบสวนยังคงต้องงมเข็มในมหาสมุทร แต่ทีมสืบสวนก็ไม่ย่อท้อยังคงดำเนินการสืบสวนต่อไป ซึ่งหลังเกิดเหตุเพียง 1 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหนองแขม ได้รับแจ้งว่า ช่วงกลางดึกประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง 2 นาย จะถูกยิงจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ นั้น มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ตำรวจในเครื่องแบบชกต่อยกับผู้ต้องสงสัยบริเวณลานกว้างตรงข้ามกับร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างด้านหลังศูนย์การค้าหนองแขม ซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยเพชรเกษม 81 ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ได้พบกับนายลอ เจริญสุข อายุ 78 ปี คนเก็บของเก่า ซึ่งปลูกเพิงพักอยู่ในลานกว้างดังกล่าว เล่าว่าเหตุการณ์ตำรวจชกต่อยกับผู้ต้องสงสัยมีอยู่จริง โดยเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคนเก็บของเก่า บอกว่า ได้เห็นตำรวจในเครื่องแบบ 1 นาย กำลังชกต่อยชุลมุนกับผู้ต้องสงสัยชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสูงท้วม ผิวเนื้อดำแดง ตัดผมสั้นเกรียน สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าผ้าใบคล้ายคนเพิ่งกลับจากออกกำลังกาย โดยทั้ง 2 ฝ่าย ชกต่อยกันตัวต่อตัวและมีชายแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2 คน ยืนคุมเชิงอยู่ แต่ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายนัก โดยเมื่อแยกย้ายกันแล้ว ตำรวจคนดังกล่าวกับชายที่มาด้วยกันอีก 2 คน ก็ขึ้นรถ จยย. 2 คัน พากันขับขี่ออกไป แต่คนขายของเก่า ไม่ได้ยืนยันว่า จะใช่ ด.ต.ชูกิจ หรือ จ.ส.ต.ประเสริฐ ที่ถูกคนร้ายยิงจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เพราะไม่เคยรู้จัก หรือเห็นหน้ากันมาก่อน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย แต่ "พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ตั้งปรัชญากูล" รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม ยืนยันว่า ตำรวจทั้ง 2 นาย ไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร และไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้มาก่อน โดยไม่เชื่อว่าจะเป็นบุคคลทั้งสอง เนื่องจากตำรวจทั้ง 2 นาย เป็นคนมีอัธยาศัยดีมวลชนในพื้นที่ก็รักใคร่ เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาก็รักใคร่ดี พร้อมกับเปิดเผยว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในคดีมากนัก แต่ทั้งนี้ ชุดทำงานจะมุ่งเป้าไปที่คนร้ายรายสำคัญที่อาจมีประวัติพัวพันกับกลุ่มมือปืนรับจ้าง โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐานไปได้มากพอสมควรแล้ว ซึ่งหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงก็ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้
ถัดมาอีก 3 วัน การติดตามไล่ล่าคนร้ายยิง 2 สายตรวจหนองแขม ยังคงรุดหน้าต่อไป แม้ว่าพยานหลักฐานจะยังน้อยอยู่ก็ตาม โดย "พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา" รองผบ.ตร. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ขณะที่ "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ผบ.ตร.ได้กำชับให้ติดตามคนร้ายให้ได้
เวลาผ่านไปกว่าเดือน ในวันที่ 18 ก.ค. "พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์" รองผบช.น. ออกมาให้ข่าวกับสื่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในช่วงเช้ามืด ส่งผลให้พยานหลักฐานต่างๆ มีไม่มาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการเรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อปรับแผนการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ "พ.ต.อ.จุมพล จงพาณิชย์กุญชร" รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า การรักษาอาการบาดเจ็บของ "จ.ส.ต.ประเสริฐ กล่ำศรี" ขณะนี้อาการทั่วไปยังคงที่ คนไข้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
อย่างไรก็ดี แม้หลักฐานที่รวบรวบได้จะมีน้อย และในหลักฐานรายละเอียดบางอย่างจะเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนไม่ได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลเชิงลึกตามแนวทางสืบสวนสอบสวน แต่ในที่สุดทีมสืบสวนภายใต้การนำของ "พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ" ผบก.สส.บชน. ก็สามารถรวบรวมหลักฐานจนนำไปสู่การเข้าจับกุม "ไอ้แจ็ค ภัคคพงศ์ ดินม่วง" มือยิงสายตรวจหนองแขมได้ในวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งทีมสืบสวนใช้เวลาเพียงเดือนครึ่งเท่านั้นก็สามารถปิดคดีได้อย่างง่ายดาย!