“ร.ต.ท.” ตำรวจสันติบาล แย่งปืน 9 มม.จาก “ดาบตำรวจ-ส.ต.ท.” ที่เดินเข้าประกบจะพาไป จ.นครปฐม โดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วยิงสนั่น “ด.ต.” ดับ ส่วน “ส.ต.ท.” โดนยิงเข้าปากเจ็บสาหัส จากนั้นได้ทุบกระจกรถกระบะเพื่อหลบหนี แต่ไม่รอดถูกควบคุมตัวทันควัน ขณะที่ ผบก.น.1 เผย ผู้ก่อเหตุอ้างเครียดไม่ได้นอนมา 7 วัน มีอาการหวาดระแวงทางประสาท จะคิดว่ามีคนตามทำร้าย พร้อมตั้งข้อหาฆ่าคนตาย ห้ามเยี่ยม-ห้ามประกัน
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.อภิชาติ นาคสุข พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.ดุสิต ได้รับแจ้งเหตุมีตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 คน และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน โดยเหตุเกิดบริเวณด้านหลังสถานีดับเพลิงดุสิต ตรงข้ามกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ถ.เศรษฐศิริ แขวงถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบศพ ด.ต.วิรัช ชัยรัตน์ ผบ.หมู่กก.6 บก.ส.1 นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ริมฟุตปาธ สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ข้างศพยังมีปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อบาเร็ตต้าตกอยู่ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน
ส่วนผู้ผู้บาดเจ็บทราบชื่อ คือ ส.ต.ท.พรเทพ ดำนิล ผบ.หมู่ กก.6 งาน 5 บก.ส.1 ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าที่บริเวณปาก และลำตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไปก่อนหน้า โดยจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 8 ปลอก และหัวกระสุนขนาดเดียวกันอีก 1 หัวกระสุน ซึ่งในเกิดเหตุยังสามารถควบคุมตัว ร.ต.ท.พิจารณา คงอินทร์ รองสว.กก.6 งาน 5 บก.ส.1 ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุพร้อมควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.ดุสิต
พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้เห็นตำรวจทั้ง 3 คนเดินมาด้วยกัน จากบริเวณหน้าสถานีดับเพลิงดุสิต จากนั้น ด.ต.วิรัช และ ส.ต.ท.พรเทพ เข้าประกบ ร.ต.ท.พิจารณา โดยบอกว่า จะพาไป จ.นครปฐม โดย ร.ต.ท.พิจารณา ได้แย่งอาวุธปืนของ ด.ต.วิรัช ที่พกอยู่ มายิงตำรวจทั้ง 2 คน จนล้มลง แล้วทิ้งอาวุธปืนไว้ จากนั้น ร.ต.ท.พิจารณา ได้วิ่งเข้าไปด้านในซอย ซึ่งเป็นที่พักของสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วหยิบก้อนหินขนาดใหญ่มาทุบกระจกรถกระบะเชฟโรเลต ทะเบียน บต 2422 ปทุมธานี สีทอง ด้านข้างคนขับที่จอดอยู่ เพื่อจะใช้ขับหลบหนี แต่หากุญแจในรถไม่พบ จึงวิ่งหนีออกไปจนถึงด้านหลังสถานีรถไฟสามเสน แต่ถูกตำรวจที่ตามมาจับกุมตัวได้
พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ร.ต.ท.พิจารณา ยังไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุครั้งนี้ โดยเพียงแต่บอกว่า มาจากความระแวง และทราบว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย อยู่ชุดปฏิบัติการเดียวกัน นอกจากนี้ เรื่องที่ ร.ต.ท.พิจารณา บอกว่า ไม่ได้นอนมา 7 วัน ก็ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย เพราะคนปกติไม่ได้นอนแค่ 1-2 วัน ก็มีอาการอ่อนแรง แต่ ร.ต.ท.พิจารณากลับไม่มีอาการเซื่องซึม ซึ่งคงต้องตรวจสอบว่ามีสารเสพติดด้วยหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการสอบสวน ร.ต.ท.พิจารณา เบื้องต้นทราบว่า มีอาการเครียด ไม่ได้นอนมาติดต่อกัน 7 วัน มีอาการทางประสาท โดยคิดว่ามีคนคอยติดตามทำร้าย ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้พยายามพาตัวไป จ.นครปฐม แต่ยังไม่ทราบว่าไปเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว โดย ร.ต.ท.พิจารณา ซึ่งมีอาการหวาดระแวงอยู่แล้ว จึงแย่งปืนของ ด.ต.วิรัช มาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่ทราบต้องสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย ห้ามเยี่ยม ห้ามประกันตัว
ต่อมาเวลา 19.00 น.เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์กระบะโตโยต้าตอนครึ่ง เลขทะเบียน บฉ 2043 ตรัง ที่จอดอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นรถของ ร.ต.ท.พิจารณา ไปตรวจสอบแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.อภิชาติ นาคสุข พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.ดุสิต ได้รับแจ้งเหตุมีตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 คน และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน โดยเหตุเกิดบริเวณด้านหลังสถานีดับเพลิงดุสิต ตรงข้ามกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ถ.เศรษฐศิริ แขวงถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบศพ ด.ต.วิรัช ชัยรัตน์ ผบ.หมู่กก.6 บก.ส.1 นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ริมฟุตปาธ สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ข้างศพยังมีปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อบาเร็ตต้าตกอยู่ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน
ส่วนผู้ผู้บาดเจ็บทราบชื่อ คือ ส.ต.ท.พรเทพ ดำนิล ผบ.หมู่ กก.6 งาน 5 บก.ส.1 ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าที่บริเวณปาก และลำตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไปก่อนหน้า โดยจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 8 ปลอก และหัวกระสุนขนาดเดียวกันอีก 1 หัวกระสุน ซึ่งในเกิดเหตุยังสามารถควบคุมตัว ร.ต.ท.พิจารณา คงอินทร์ รองสว.กก.6 งาน 5 บก.ส.1 ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุพร้อมควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.ดุสิต
พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้เห็นตำรวจทั้ง 3 คนเดินมาด้วยกัน จากบริเวณหน้าสถานีดับเพลิงดุสิต จากนั้น ด.ต.วิรัช และ ส.ต.ท.พรเทพ เข้าประกบ ร.ต.ท.พิจารณา โดยบอกว่า จะพาไป จ.นครปฐม โดย ร.ต.ท.พิจารณา ได้แย่งอาวุธปืนของ ด.ต.วิรัช ที่พกอยู่ มายิงตำรวจทั้ง 2 คน จนล้มลง แล้วทิ้งอาวุธปืนไว้ จากนั้น ร.ต.ท.พิจารณา ได้วิ่งเข้าไปด้านในซอย ซึ่งเป็นที่พักของสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วหยิบก้อนหินขนาดใหญ่มาทุบกระจกรถกระบะเชฟโรเลต ทะเบียน บต 2422 ปทุมธานี สีทอง ด้านข้างคนขับที่จอดอยู่ เพื่อจะใช้ขับหลบหนี แต่หากุญแจในรถไม่พบ จึงวิ่งหนีออกไปจนถึงด้านหลังสถานีรถไฟสามเสน แต่ถูกตำรวจที่ตามมาจับกุมตัวได้
พ.ต.อ.ไกรเลิศ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ร.ต.ท.พิจารณา ยังไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุครั้งนี้ โดยเพียงแต่บอกว่า มาจากความระแวง และทราบว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย อยู่ชุดปฏิบัติการเดียวกัน นอกจากนี้ เรื่องที่ ร.ต.ท.พิจารณา บอกว่า ไม่ได้นอนมา 7 วัน ก็ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย เพราะคนปกติไม่ได้นอนแค่ 1-2 วัน ก็มีอาการอ่อนแรง แต่ ร.ต.ท.พิจารณากลับไม่มีอาการเซื่องซึม ซึ่งคงต้องตรวจสอบว่ามีสารเสพติดด้วยหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการสอบสวน ร.ต.ท.พิจารณา เบื้องต้นทราบว่า มีอาการเครียด ไม่ได้นอนมาติดต่อกัน 7 วัน มีอาการทางประสาท โดยคิดว่ามีคนคอยติดตามทำร้าย ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้พยายามพาตัวไป จ.นครปฐม แต่ยังไม่ทราบว่าไปเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว โดย ร.ต.ท.พิจารณา ซึ่งมีอาการหวาดระแวงอยู่แล้ว จึงแย่งปืนของ ด.ต.วิรัช มาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่ทราบต้องสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย ห้ามเยี่ยม ห้ามประกันตัว
ต่อมาเวลา 19.00 น.เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์กระบะโตโยต้าตอนครึ่ง เลขทะเบียน บฉ 2043 ตรัง ที่จอดอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นรถของ ร.ต.ท.พิจารณา ไปตรวจสอบแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด