เพลิงไหม้คอนโดหรูชั้น 29 ไม่มีระบบน้ำดับเพลิงในอาคาร ต้นเพลิงเจ้าของห้องนามสกุลดัง"เลี่ยวไพรัตน์" รถดับเพลิงฉีดน้ำไม่ถึง ต้องให้นักผจญเพลิงเดินเท้าขึ้นไปดับไฟใช้เวลากว่า 2 ชม.เพลิงสงบ บาดเจ็บ 5 ราย
วันนี้ (17 ส.ค.)เมื่อเวลา 14.30 น. ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ทองชะนะ สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารชุด "เลอรัฟฟิเน่ คอนโด" คอนโดมิเนียมหรู ในซอยสุขุมวิท 24 เลขที่ 52/1 -52-57 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมประสานไปยังสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ให้นำรถดับเพลิงไปยังที่เกิดเหตุ จากนั้น พร้อมด้วยมี พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผบก.น.5 พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ ไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งต่อมานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่า กทม. น.ส.อมรรัตน์ กฤยานุวัตร ผอ.เขตคลองเตย ร่วมเดินทางไปสมทบ
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคาร 29 ชั้น ลักษณะเป็นห้องชุด ทั้งขายและให้เช่า เป็นห้องหรูขนาดใหญ่ชั้นหนึ่งมีเพียง 4 ห้อง ราคาประมาณห้องละ 30 ล้านบาทซึ่งผู้พักอาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยห้องต้นเพลิงอยู่บริเวณชั้น 18 โซนเอ และไฟได้ลุกลามขึ้นไปบนชั้นบน ทำให้มีกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมา เจ้าหน้าที่ต้องอพยพคนลงมาจากอาคารอย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งการให้ปิดซอยสุขุมวิท 24 ทั้งซอย เนื่องจากเป็นซอยแคบ เพื่อให้รถดับเพลิงสามารถวิ่งเข้าไปได้สะดวก
จากนั้นเจ้าหน้าที่พยายามฉีดน้ำสกัด โดยใช้รถกระเช้าต่อขึ้นไป แต่ไม่สามารถฉีดน้ำได้ถึง จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ผจญเพลิง นำสายยางและเครื่องปั๊มน้ำขนาดเล็กเดินเท้าขึ้นไปดับที่ห้องต้นเพลิงแทน โดยใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ทั้งนี้พบผู้บาดเจ็บ 5 คน เป็นเด็กชาวต่างชาติ 3 คน และชาวต่างชาติอีก 2 คน ซึ่งมีอาการสำลักควัน จึงรีบนำส่งรพ.สมิติเวชและ รพ.กล้วยน้ำไททันที ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้อนพบว่า ห้อง 18 เอ ซี่งเป็นห้องต้นเพลิงเป็นของนางพรรณี เลี่ยวไพรัตน์ ที่ซื้อไว้ให้ครอบครัวชาวต่างชาติพักอาศัย โดยขณะเกิดเหตุไม่มีผู้อยู่ในห้องพักดังกล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า อาคารสูงเช่นนี้ การดับเพลิงถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีระบบจ่ายน้ำที่ดี แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาคารดังกล่าวมีปัญหาเรื่องระบบการจ่ายน้ำภายในอาคาร ทำให้ไม่สามารถดับเพลิงได้ขณะเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมา ตอนนี้ จึงต้องแก้ปัญหาโดยการส่งหน่วยผจญเพลิงของกทม. กับเครื่องดับเพลิงขนาดเล็กเข้าไปยังห้องต้นเพลิง โดยปัญหาดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบระบบน้ำ ของเจ้าของอาคาร ซึ่งไม่มีความระมัดระวัง และหลังจากนี้ จะให้กทม.เข้าตรวจสอบต่อไป
ด้านน.ส.อมรรัตน์ กฤตยานุวัต ผอ.เขตคลองเตย กล่าวว่า ปกติการตรวจสอบอาคารใหญ่ต้องวิศวกรเป็นผู้ตรวจสอบอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยของผู้พักอาศัย รวมถึงระบบน้ำที่ใช้กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากมีกฎหมายที่ดูแลในส่วนนี้ก็มีกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยหลังจากนี้จะต้องให้วิศวกรของ กทม.ดำเนินการตรวจสอบระบบการจ่ายน้ำของอาคารนี้ว่ามีการตรวจสอบรักษาระบบให้สามารถใช้การได้ตามาตรฐานหรือไม่ หากพบว่าระบบไม่ทำงานก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่า กทม. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบต้นเพลิงลุกไหม้มาจากห้อง 18 เอ ซึ่งขณะนั้นไม่มีผู้อยู่ในห้องดังกล่าว และเพลิงได้ไหม้ลุกลามไปยังชั้นที่ 19 และ 20 ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นได้สั่งการให้ปิดโซนที่ถูกเพลิงไหม้ไว้ก่อน จนกว่าเจ้าหน้าที่โยธาธิการของ กทม.จะเข้าตรวจสอบอาคารดังกล่าวแล้วเสร็จ ส่วนกรณีที่ระบบน้ำมีปัญหานั้นยังคงต้องรอการตรวจสอบก่อน