ดีเอสไอเข้าคลี่คลายคดี “แชร์ลอตเตอรี่ ระบุ มีมูลค่าความเสียหายถึง 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้ง “ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ” เป็นหัวหน้าสางคดี ย้ำเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน จะประสาน ปปง.เข้าร่วมตรวจสอบอีกทาง เผย มี ส.ว.สรรหาคนหนึ่งเป็นตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบ
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการฉ้อโกงประชาชน กรณีแชร์ลอตเตอรี่ เนื่องจากมีตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ครูจังหวัดเลย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งพบว่า มีผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายกลุ่ม ทั้งข้าราชการครู ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษา จ.เลย พ่อค้าและประชาชนทั่วไป จึงรับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษทันที เนื่องจากมีผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย และมูลค่าความเสียหายถึง 3,000 ล้านบาท จึงได้กำชับให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว โดยเฉพาะการเร่งอายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับทุกบัญชีได้ทันที โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ที่ระบุให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ เนื่องจากคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ดังนั้น ในทางปฏิบัติดีเอสไอจะประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้เข้าร่วมตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย
“ผู้ร้องให้เบาะแสกับดีเอสไอ ว่า มี ส.ว.สรรหาคนหนึ่ง เป็นตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งข้อมูลตรงนี้ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบต่อไป” นายธาริต กล่าว
สำหรับขบวนการทุจริตแชร์ลอตเตอรี่ที่ทำกันเป็นวงจรนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นของดีเอสไอ พบว่า มีการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2552 โดยมีกลุ่มบุคคลได้ตั้งบริษัทในนามนิติบุคคลให้เป็นคู่สัญญากับกองสลาก และต่อมาได้แอบขายโควตาให้กับสหกรณ์ต่างๆ ใน จ.เลย ทั้งสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญ จากนั้นสหกรณ์ได้รับลอตเตอรี่ไปจำหน่ายให้กับสมาชิกกว่า 2,000 คน ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการครู ตำรวจ แพทย์ พยานบาล พ่อค้า แม่ค้าและประชาชนทั่วไป โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้จะทำตัวเป็นหัวหน้าสาย ทำหน้าที่ในการรวบรวมสลากจากครูที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ที่รับโควตาสลากมาจากสหกรณ์ โดยหัวหน้าสายมีจำนวนประมาณ 50 คน ที่ทำหน้ารวบรวมเงินค่าสลากจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.เลยและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสามัญ จ.เลย การระดมทุนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2553
รายงานข่าวแจ้งว่า อดีต ส.ว.คนดังกล่าวได้ร่วมมือกับ น.ส.กัลยาณี แก้วโวหาร ยี่ปั๊วรายใหญ่ของ จ.เลย ที่ถูกตำรวจจับกุมข้อหาฉ้อโกงประชาชนไปก่อนหน้านี้ และยี่ปั๊วอีกหนึ่งรายในจังหวัดใกล้เคียง ร่วมกันปั่นแชร์ลอตเตอรี่ ซึ่งบริษัทนิติบุคคลที่มีอดีต ส.ว.คนดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ใช่คู่สัญญากับกองสลาก แต่กลับอ้างว่าได้รับโควต้าสลากถึง 20,000 เล่ม และมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ล่วงหน้าตามจำนวนสลากที่สัญญาว่าจะซื้อจากสหกรณ์ให้กับหัวหน้าสายและลูกข่าย จึงทำให้เกิดการระดมทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่างบางส่วน และมีการนำสลากไปเวียนเทียนส่งให้กับผู้ค้ารายย่อย เนื่องจากคดีมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้ตำรวจจะได้จับกุม น.ส.กัลยาณี และ นางสุฎาภรณ์ นครธรรม ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษา จ.เลย ในคดีฉ้อโกงประชาชนไปแล้ว แต่กลุ่มผู้ร้องเรียนเกรงจะไม่ได้รับความปลอดเนื่องจากถูกผู้ร่วมลงทุนเร่งรัดเงินคืนและมีการเลือกปฏิบัติออกหมายจับกุมเฉพาะหัวหน้าสายที่มีภรรยาตำรวจเป็นลูกทีม ขณะที่หัวหน้าสายที่เป็นข้าราชการครูก็ถูกผู้ร่วมทุนแจ้งความดำเนินคดีทั้งที่เงินลงทุนทั้งหมดไปอยู่ในมือยี่ปั๊ว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส.ว.ดังกล่าวเคยเป็นอดีตนักล๊อบบี้ยิสต์ และอยู่เบื้องหลังการดำเนินการทำแชร์ลูกโซ่ลอตเตอรี่มานาน จนได้เงินไปหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ ทางตำรวจท้องที่พยายามจับกุมวงแชร์รายย่อย แต่ก็สาวไปไม่ถึงตัวบงการใหญ่ เพราะถูกตัดตอน และข่มขู่พยาน ดังนั้น เมื่อมีผู้มาร้องดีเอสไอจึงเข้าไปตรวจสอบพร้อมให้ตำรวจท้องที่ส่งมอบเรื่องให้ดีเอสไอดำเนินการต่อ โดยจะกันลูกแชร์บางส่วนไว้เป็นพยานด้วย
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการฉ้อโกงประชาชน กรณีแชร์ลอตเตอรี่ เนื่องจากมีตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ครูจังหวัดเลย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งพบว่า มีผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายกลุ่ม ทั้งข้าราชการครู ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษา จ.เลย พ่อค้าและประชาชนทั่วไป จึงรับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษทันที เนื่องจากมีผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย และมูลค่าความเสียหายถึง 3,000 ล้านบาท จึงได้กำชับให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว โดยเฉพาะการเร่งอายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับทุกบัญชีได้ทันที โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ที่ระบุให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ เนื่องจากคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ดังนั้น ในทางปฏิบัติดีเอสไอจะประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้เข้าร่วมตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย
“ผู้ร้องให้เบาะแสกับดีเอสไอ ว่า มี ส.ว.สรรหาคนหนึ่ง เป็นตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งข้อมูลตรงนี้ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบต่อไป” นายธาริต กล่าว
สำหรับขบวนการทุจริตแชร์ลอตเตอรี่ที่ทำกันเป็นวงจรนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นของดีเอสไอ พบว่า มีการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2552 โดยมีกลุ่มบุคคลได้ตั้งบริษัทในนามนิติบุคคลให้เป็นคู่สัญญากับกองสลาก และต่อมาได้แอบขายโควตาให้กับสหกรณ์ต่างๆ ใน จ.เลย ทั้งสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญ จากนั้นสหกรณ์ได้รับลอตเตอรี่ไปจำหน่ายให้กับสมาชิกกว่า 2,000 คน ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการครู ตำรวจ แพทย์ พยานบาล พ่อค้า แม่ค้าและประชาชนทั่วไป โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้จะทำตัวเป็นหัวหน้าสาย ทำหน้าที่ในการรวบรวมสลากจากครูที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ที่รับโควตาสลากมาจากสหกรณ์ โดยหัวหน้าสายมีจำนวนประมาณ 50 คน ที่ทำหน้ารวบรวมเงินค่าสลากจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.เลยและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสามัญ จ.เลย การระดมทุนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2553
รายงานข่าวแจ้งว่า อดีต ส.ว.คนดังกล่าวได้ร่วมมือกับ น.ส.กัลยาณี แก้วโวหาร ยี่ปั๊วรายใหญ่ของ จ.เลย ที่ถูกตำรวจจับกุมข้อหาฉ้อโกงประชาชนไปก่อนหน้านี้ และยี่ปั๊วอีกหนึ่งรายในจังหวัดใกล้เคียง ร่วมกันปั่นแชร์ลอตเตอรี่ ซึ่งบริษัทนิติบุคคลที่มีอดีต ส.ว.คนดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ใช่คู่สัญญากับกองสลาก แต่กลับอ้างว่าได้รับโควต้าสลากถึง 20,000 เล่ม และมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ล่วงหน้าตามจำนวนสลากที่สัญญาว่าจะซื้อจากสหกรณ์ให้กับหัวหน้าสายและลูกข่าย จึงทำให้เกิดการระดมทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่างบางส่วน และมีการนำสลากไปเวียนเทียนส่งให้กับผู้ค้ารายย่อย เนื่องจากคดีมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้ตำรวจจะได้จับกุม น.ส.กัลยาณี และ นางสุฎาภรณ์ นครธรรม ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกรมสามัญศึกษา จ.เลย ในคดีฉ้อโกงประชาชนไปแล้ว แต่กลุ่มผู้ร้องเรียนเกรงจะไม่ได้รับความปลอดเนื่องจากถูกผู้ร่วมลงทุนเร่งรัดเงินคืนและมีการเลือกปฏิบัติออกหมายจับกุมเฉพาะหัวหน้าสายที่มีภรรยาตำรวจเป็นลูกทีม ขณะที่หัวหน้าสายที่เป็นข้าราชการครูก็ถูกผู้ร่วมทุนแจ้งความดำเนินคดีทั้งที่เงินลงทุนทั้งหมดไปอยู่ในมือยี่ปั๊ว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส.ว.ดังกล่าวเคยเป็นอดีตนักล๊อบบี้ยิสต์ และอยู่เบื้องหลังการดำเนินการทำแชร์ลูกโซ่ลอตเตอรี่มานาน จนได้เงินไปหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ ทางตำรวจท้องที่พยายามจับกุมวงแชร์รายย่อย แต่ก็สาวไปไม่ถึงตัวบงการใหญ่ เพราะถูกตัดตอน และข่มขู่พยาน ดังนั้น เมื่อมีผู้มาร้องดีเอสไอจึงเข้าไปตรวจสอบพร้อมให้ตำรวจท้องที่ส่งมอบเรื่องให้ดีเอสไอดำเนินการต่อ โดยจะกันลูกแชร์บางส่วนไว้เป็นพยานด้วย