ปส.แถลงโชว์จับชาวอิหร่านซุกยาไอซ์ในกระป๋องสเปรย์ฉีดผม รับจ้างจากกลุ่มผิวดำให้ขนเข้าไทย พร้อมจับชาวโตโกซ่อนยาไอซ์ในถังพลาสติกใส่น้ำแข็ง เตรียมหิ้วผ่านไปกัมพูชา อีกรายรวบไนจีเรียลักลอบขนเฮโรอีน รับจ้างจากชาวผิวดำด้วยกัน เข้ามาอยู่ในไทยตั้งแต่ปี 2551 จนพาสปอร์ตหมดอายุ ซุกยานรกในแผงวงจรคอมพ์ เพื่อส่งพัสดุไปออสเตรเลีย
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ รอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส.2 บช.ปส. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จำนวน 4 คดี คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปส.3 ร่วมกันจับกุมตัวนายเรซา มีร์ซาอี (Mr.Reza Mirzaei) อายุ 24 ปี ชาวอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ 900 กรัม ขวดกระป๋องสเปรย์โฟมโกนหนวด สเปรย์ฉีดผม และสเปรย์น้ำหอม กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สุมทรปราการ
พล.ต.ต.จิรโรจน์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวอิหร่าน ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบนายเรซาเดินทางมาจากเมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ด้วยสายการบิน QATAR AIRLINES เที่ยวบินที่ QR 606 เมื่อขอตรวจค้นกระเป๋าเดินทางพบขวดสเปรย์จำนวนหลายขวด โดยภายในซุกซ่อนยาไอซ์เอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางไว้ตรวจสอบพร้อมกับควบคุมตัวไปสอบสวน
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ ปส.3 ได้จับกุมตัวนายคอดราท จาบบารี อายุ 46 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ 900 กรัม กระป๋องสเปรย์หลายขวด ซึ่งผู้ต้องหาได้เดินทางมาด้วยสายการบินเดียวกันกับนายเรซ่า และมีการซุกซ่อนของกลางไว้ในกระป๋องสเปรย์เช่นเดียวกัน แต่สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพว่าไม่รู้จักกัน โดยรับจ้างจากชายผิวดำให้ขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ไม่บอกจำนวนเงินค่าจ้าง แต่ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 รายมีเงินติดตัวคนละ 700 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าน่าจะเป็นค่าจ้างเพียงส่วนหนึ่ง เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.จิรโรจน์กล่าวอีกว่า คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางโซลิม โฮลูอายุ 29 ปี สัญชาติโตโก พร้อมของกลางยาไอซ์ 1,350 กรัม ถังพลาสติกสำหรับใส่น้ำแข็ง โดยจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางมาจากเมืองแอดดิสอบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ด้วยสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ส เพื่อนำยาเสพติดไปส่งที่ประเทศกัมพูชา จากการตรวจสอบในกระเป๋าเดินทางพบยาไอซ์ 2 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในถังใส่น้ำแข็ง จึงยึดของกลางไว้ตรวจสอบพร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
รายสุดท้าย พ.ต.อ.อาชวันต์ แถลงผลงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.2 จับกุมตัว นายคาลู หรือไมเคิล โอโมจิ หรืออันวา เอ็นวันกวุ อายุ 41 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมของกลางเฮโรอีน 2 ถุง น้ำหนัก 170 กรัม โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 717 เอ็มเคแมนชั่น ซอยรามคำแหง 8 แยก 4 และแผงวงจรคอมพิวเตอร์ 1 อัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่านายคาลูมีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติด โดยใช้ประเทศไทยเป็นที่พักในการกระทำความผิด จึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ขณะที่นายคาลูกำลังเดินกลับห้องพัก จากการสอบสวนทราบว่านายคาลูเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบันพาสปอร์ตหมดอายุ ซึ่งนายคาลูได้รับจ้างจากชาวผิวดำด้วยกันให้ทำหน้าที่ซุกซ่อนส่งยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ส่งให้ลูกค้าทางพัสดุ ล่าสุดนายคาลูได้ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในแผงวงจรคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดส่งไปที่ประเทศออสเตรเลีย ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 5 แสนบาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ รอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส.2 บช.ปส. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จำนวน 4 คดี คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปส.3 ร่วมกันจับกุมตัวนายเรซา มีร์ซาอี (Mr.Reza Mirzaei) อายุ 24 ปี ชาวอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ 900 กรัม ขวดกระป๋องสเปรย์โฟมโกนหนวด สเปรย์ฉีดผม และสเปรย์น้ำหอม กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สุมทรปราการ
พล.ต.ต.จิรโรจน์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวอิหร่าน ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบนายเรซาเดินทางมาจากเมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ด้วยสายการบิน QATAR AIRLINES เที่ยวบินที่ QR 606 เมื่อขอตรวจค้นกระเป๋าเดินทางพบขวดสเปรย์จำนวนหลายขวด โดยภายในซุกซ่อนยาไอซ์เอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางไว้ตรวจสอบพร้อมกับควบคุมตัวไปสอบสวน
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ ปส.3 ได้จับกุมตัวนายคอดราท จาบบารี อายุ 46 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ 900 กรัม กระป๋องสเปรย์หลายขวด ซึ่งผู้ต้องหาได้เดินทางมาด้วยสายการบินเดียวกันกับนายเรซ่า และมีการซุกซ่อนของกลางไว้ในกระป๋องสเปรย์เช่นเดียวกัน แต่สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพว่าไม่รู้จักกัน โดยรับจ้างจากชายผิวดำให้ขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ไม่บอกจำนวนเงินค่าจ้าง แต่ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 รายมีเงินติดตัวคนละ 700 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าน่าจะเป็นค่าจ้างเพียงส่วนหนึ่ง เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.จิรโรจน์กล่าวอีกว่า คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางโซลิม โฮลูอายุ 29 ปี สัญชาติโตโก พร้อมของกลางยาไอซ์ 1,350 กรัม ถังพลาสติกสำหรับใส่น้ำแข็ง โดยจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางมาจากเมืองแอดดิสอบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ด้วยสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ส เพื่อนำยาเสพติดไปส่งที่ประเทศกัมพูชา จากการตรวจสอบในกระเป๋าเดินทางพบยาไอซ์ 2 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในถังใส่น้ำแข็ง จึงยึดของกลางไว้ตรวจสอบพร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
รายสุดท้าย พ.ต.อ.อาชวันต์ แถลงผลงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.2 จับกุมตัว นายคาลู หรือไมเคิล โอโมจิ หรืออันวา เอ็นวันกวุ อายุ 41 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมของกลางเฮโรอีน 2 ถุง น้ำหนัก 170 กรัม โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 717 เอ็มเคแมนชั่น ซอยรามคำแหง 8 แยก 4 และแผงวงจรคอมพิวเตอร์ 1 อัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่านายคาลูมีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติด โดยใช้ประเทศไทยเป็นที่พักในการกระทำความผิด จึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ขณะที่นายคาลูกำลังเดินกลับห้องพัก จากการสอบสวนทราบว่านายคาลูเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบันพาสปอร์ตหมดอายุ ซึ่งนายคาลูได้รับจ้างจากชาวผิวดำด้วยกันให้ทำหน้าที่ซุกซ่อนส่งยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ส่งให้ลูกค้าทางพัสดุ ล่าสุดนายคาลูได้ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในแผงวงจรคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดส่งไปที่ประเทศออสเตรเลีย ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 5 แสนบาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
