"ผมขอโทษและเสียใจ เอาชีวิตผมไปแทนน้องก็ได้"
คำสารภาพของนายทวีชัย นาทองบ่อ ผู้ต้องหาฆ่า "น้องเหนือ" หนูน้อยวัย 2 ขวบกว่า ที่เอื้อนเอ่ยขึ้นต่อหน้านางนภัคกานต์ เกตุแก้ว มารดาของน้องเหนือ ระหว่างถูกนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะเชื่อว่า ไม่มีอะไร แม้แต่ชีวิตของนายทวีชัยเอง ที่จะมาทดแทน ด.ช.ธนภัทร เกตุแก้ว หรือ น้องเหนือ วัย 2 ปี 10 เดือน ที่ถูกพรากไปชั่วนิรันดร์กาลของนายธนพล และนางนภัคกานต์ ผู้เป็นพ่อแม่ได้
นายทวีชัย เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นราวบ่ายโมงวันที่ 9 ก.ค. ภายในบริษัท นัมเบอร์วัน คลีนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับทำความสะอาดตามอาคาร เลขที่ 558 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 63 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบริษัทของนายธนพลและนางนภัคกานต์ โดยนายทวีชัยมีหน้าที่เป็นพนักงานทำความสะอาดของบริษัทดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุ พ่อแม่ของ"น้องเหนือ" คุมคนงานไปทำความสะอาดยังโรงเรียนแห่งหนึ่ง และให้พี่เลี้ยง ทำหน้าที่คอยดูแล"น้องเหนือ"
ในวันนั้น นายทวีขอลาหยุดงาน เนื่องจากรู้สึกไม่สบาย จึงพักอยู่ที่บริษัท โดยอ้างว่า คืนที่ผ่านมา มีผู้หญิงหนึ่งนำยาเม็ดสีขาวมาให้กิน แต่ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร เมื่อตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกไม่สบาย จึงขอหยุดงาน จากนั้นได้ออกไปซื้อเบียร์มาดื่ม 1 ขวด ก่อนขึ้นจะไปนอนพักบริเวณชั้น 2 ขณะนั้นรู้สึกหวาดระแวง รู้สึกว่าจะมีคนมาตามฆ่า จึงได้ใช้มีดจี้จับน้องเหนือเป็นตัวประกันไว้
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างที่นายทวีชัยคลุ้มคลั่ง จับตัวน้องเหนือเป็นตัวประกันไว้นั้น เด็กตกใจร้องไห้จ้า นายมทวีชัย ใช้มีดปอกผลไม้ปาดเข้าที่คอของหนูน้อย 1 ครั้ง และทุกครั้งที่น้องเหนือร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล นายทวีชัยก็จ้วงแทงเข้าที่ร่างของน้องเหนือทุกครั้ง รวมเบ็ดเสร็จนายทวีชัยจ้วงแทงน้องเหนือถึง 8 บาดแผล และคนร้ายยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นลอย ทำให้ไม่สามารถมองเห็นพฤติการณ์ของคนร้ายที่จ้วงแทงน้องเหนืออยู่หลายครั้งได้อย่างถนัด
นอกจากนี้ ตำรวจสน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุราวบ่ายโมง และไปถึงที่เกิดเหตุไม่นาน ทว่า ก่อนที่ตำรวจจะได้รับแจ้งนั้น นายทวีชัย ได้จี้จับ"น้องเหนือ"ไว้เป็นตัวประกันมาได้หลายสิบนาทีแล้ว เมื่อตำรวจไปถึง และได้พยายามเจรจาต่อรองอยู่อีก 15 นาที โดยในที่สุดเห็นว่า ตัว"น้องเหนือ"นั้น แน่นิ่งหมดสติไปแล้ว จึงรีบเข้าชาร์จคนร้าย ทว่าไม่ทันการณ์ "น้องเหนือ"ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ตอนนี้ พยายามทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากโทษหรือติดใจอาฆาตพยาบาทใคร เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ และลูกคงไม่ฟื้นขึ้นมา อีกทั้งไม่อยากให้ลูกมีบาปติดตัว"นางนภัคกานต์ มารดาของน้องเหนือกล่าวพร้อมกับร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ ในวันที่เดินทางไปรับศพบุตรชายอันเป็นที่รัก ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รองโฆษกตร. ที่เดินทางไปร่วมอำนวยความสะดวก และแสดงความเสียใจต่อครอบครับ"น้องเหนือ" ในการรับศพที่สถาบันนิติเวช บอกว่า การทำงานของตำรวจในคดีนี้ไม่ได้ล่าช้า และเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดหลังรับแจ้งว่ามีเหตุดังกล่าว ก็ไปที่เกิดเหตุ แต่นายทวีชัยอยู่ชั้นบนกับน้องเหนือและต่อรองคุยโทรศัพท์กับแม่น้องเหนือ ซึ่งทางแม่ก็ยืนยันว่า ไม่อยากเอาเรื่องหรือติดใจอะไร นายทวีชัย จึงให้ตำรวจขึ้นเอาตัวน้องเหนือลงมา แต่เมื่อเห็นสภาพน้องเหนือก็พบอาการร่อแร่มือไม้อ่อนแล้ว คาดว่า นายทวีชัย ได้ใช้อาวุธมีดแทงเด็กไปแล้วจึงรีบนำตัวส่งโรพยาบาลสิรินธร แต่ก็ช่วยชีวิตไม่ทันจึงเสียชีวิต
คดีที่คนร้ายจับเด็ก สตรี หรือตัวประกันคนอื่นๆ ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาบ่อยครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หลายครั้งหลายคราว ที่ตำรวจสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นกับ"น้องเหนือ"ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาทบทวน
สมมติว่า กรณีที่เกิดขึ้น หากตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ แล้วดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนายทวีชัย บางทีอาจเชื่อว่า "น้องเหนือ"คงยังไม่จากไป เวลา 15 นาที ที่ตำรวจพยายามเจรจาต่อรองกับนายทวีชัย อาจมีค่าอย่างมหาศาลกับครอบครัว "เกตุแก้ว" แต่อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นอกเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามทำดีที่สุด เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดเช่นกัน
แอบหวังไว้ลึกๆว่า กรณีการจับตัวประกันที่เป็น"เด็ก" หากเกิดขึ้นในครั้งต่อไป ตำรวจควรจะเด็ดขาดกับบรรดาอาชญากรเหล่านั้น แม้จะต้องสูญเสียชีวิต ที่เหล่านักสิทธิมนุษยชนพร่ำกันเสมอมาว่า ทุกชีวิตย่อมมีค่าเท่ากัน แต่เรากับเห็นว่า ระหว่างชีวิตของนายทวีชัย กับชีวิตของ"น้องเหนือ"ที่เต็มปริ่มได้ด้วยความรักของพ่อแม่นั้น ชีวิตของนายทวีชัย ที่เป็นผู้ก่อเหตุ เป็นอาชญากร ดูเหมือนจะไร้ค่าไปในบัดดล
ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้ว ที่หน่วยงานซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะตำรวจ ควรดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเหล่าอาชญากรประเภทนี้ เพื่อไม่ให้บทเรียนราคาแพงบทเรียนนี้ ได้หวนไปเกิดขึ้นกับครอบครัวใครได้อีก!
คำสารภาพของนายทวีชัย นาทองบ่อ ผู้ต้องหาฆ่า "น้องเหนือ" หนูน้อยวัย 2 ขวบกว่า ที่เอื้อนเอ่ยขึ้นต่อหน้านางนภัคกานต์ เกตุแก้ว มารดาของน้องเหนือ ระหว่างถูกนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะเชื่อว่า ไม่มีอะไร แม้แต่ชีวิตของนายทวีชัยเอง ที่จะมาทดแทน ด.ช.ธนภัทร เกตุแก้ว หรือ น้องเหนือ วัย 2 ปี 10 เดือน ที่ถูกพรากไปชั่วนิรันดร์กาลของนายธนพล และนางนภัคกานต์ ผู้เป็นพ่อแม่ได้
นายทวีชัย เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นราวบ่ายโมงวันที่ 9 ก.ค. ภายในบริษัท นัมเบอร์วัน คลีนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับทำความสะอาดตามอาคาร เลขที่ 558 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 63 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบริษัทของนายธนพลและนางนภัคกานต์ โดยนายทวีชัยมีหน้าที่เป็นพนักงานทำความสะอาดของบริษัทดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุ พ่อแม่ของ"น้องเหนือ" คุมคนงานไปทำความสะอาดยังโรงเรียนแห่งหนึ่ง และให้พี่เลี้ยง ทำหน้าที่คอยดูแล"น้องเหนือ"
ในวันนั้น นายทวีขอลาหยุดงาน เนื่องจากรู้สึกไม่สบาย จึงพักอยู่ที่บริษัท โดยอ้างว่า คืนที่ผ่านมา มีผู้หญิงหนึ่งนำยาเม็ดสีขาวมาให้กิน แต่ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร เมื่อตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกไม่สบาย จึงขอหยุดงาน จากนั้นได้ออกไปซื้อเบียร์มาดื่ม 1 ขวด ก่อนขึ้นจะไปนอนพักบริเวณชั้น 2 ขณะนั้นรู้สึกหวาดระแวง รู้สึกว่าจะมีคนมาตามฆ่า จึงได้ใช้มีดจี้จับน้องเหนือเป็นตัวประกันไว้
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างที่นายทวีชัยคลุ้มคลั่ง จับตัวน้องเหนือเป็นตัวประกันไว้นั้น เด็กตกใจร้องไห้จ้า นายมทวีชัย ใช้มีดปอกผลไม้ปาดเข้าที่คอของหนูน้อย 1 ครั้ง และทุกครั้งที่น้องเหนือร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล นายทวีชัยก็จ้วงแทงเข้าที่ร่างของน้องเหนือทุกครั้ง รวมเบ็ดเสร็จนายทวีชัยจ้วงแทงน้องเหนือถึง 8 บาดแผล และคนร้ายยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นลอย ทำให้ไม่สามารถมองเห็นพฤติการณ์ของคนร้ายที่จ้วงแทงน้องเหนืออยู่หลายครั้งได้อย่างถนัด
นอกจากนี้ ตำรวจสน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุราวบ่ายโมง และไปถึงที่เกิดเหตุไม่นาน ทว่า ก่อนที่ตำรวจจะได้รับแจ้งนั้น นายทวีชัย ได้จี้จับ"น้องเหนือ"ไว้เป็นตัวประกันมาได้หลายสิบนาทีแล้ว เมื่อตำรวจไปถึง และได้พยายามเจรจาต่อรองอยู่อีก 15 นาที โดยในที่สุดเห็นว่า ตัว"น้องเหนือ"นั้น แน่นิ่งหมดสติไปแล้ว จึงรีบเข้าชาร์จคนร้าย ทว่าไม่ทันการณ์ "น้องเหนือ"ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ตอนนี้ พยายามทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากโทษหรือติดใจอาฆาตพยาบาทใคร เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ และลูกคงไม่ฟื้นขึ้นมา อีกทั้งไม่อยากให้ลูกมีบาปติดตัว"นางนภัคกานต์ มารดาของน้องเหนือกล่าวพร้อมกับร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ ในวันที่เดินทางไปรับศพบุตรชายอันเป็นที่รัก ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รองโฆษกตร. ที่เดินทางไปร่วมอำนวยความสะดวก และแสดงความเสียใจต่อครอบครับ"น้องเหนือ" ในการรับศพที่สถาบันนิติเวช บอกว่า การทำงานของตำรวจในคดีนี้ไม่ได้ล่าช้า และเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดหลังรับแจ้งว่ามีเหตุดังกล่าว ก็ไปที่เกิดเหตุ แต่นายทวีชัยอยู่ชั้นบนกับน้องเหนือและต่อรองคุยโทรศัพท์กับแม่น้องเหนือ ซึ่งทางแม่ก็ยืนยันว่า ไม่อยากเอาเรื่องหรือติดใจอะไร นายทวีชัย จึงให้ตำรวจขึ้นเอาตัวน้องเหนือลงมา แต่เมื่อเห็นสภาพน้องเหนือก็พบอาการร่อแร่มือไม้อ่อนแล้ว คาดว่า นายทวีชัย ได้ใช้อาวุธมีดแทงเด็กไปแล้วจึงรีบนำตัวส่งโรพยาบาลสิรินธร แต่ก็ช่วยชีวิตไม่ทันจึงเสียชีวิต
คดีที่คนร้ายจับเด็ก สตรี หรือตัวประกันคนอื่นๆ ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาบ่อยครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หลายครั้งหลายคราว ที่ตำรวจสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นกับ"น้องเหนือ"ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาทบทวน
สมมติว่า กรณีที่เกิดขึ้น หากตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ แล้วดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนายทวีชัย บางทีอาจเชื่อว่า "น้องเหนือ"คงยังไม่จากไป เวลา 15 นาที ที่ตำรวจพยายามเจรจาต่อรองกับนายทวีชัย อาจมีค่าอย่างมหาศาลกับครอบครัว "เกตุแก้ว" แต่อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นอกเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามทำดีที่สุด เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดเช่นกัน
แอบหวังไว้ลึกๆว่า กรณีการจับตัวประกันที่เป็น"เด็ก" หากเกิดขึ้นในครั้งต่อไป ตำรวจควรจะเด็ดขาดกับบรรดาอาชญากรเหล่านั้น แม้จะต้องสูญเสียชีวิต ที่เหล่านักสิทธิมนุษยชนพร่ำกันเสมอมาว่า ทุกชีวิตย่อมมีค่าเท่ากัน แต่เรากับเห็นว่า ระหว่างชีวิตของนายทวีชัย กับชีวิตของ"น้องเหนือ"ที่เต็มปริ่มได้ด้วยความรักของพ่อแม่นั้น ชีวิตของนายทวีชัย ที่เป็นผู้ก่อเหตุ เป็นอาชญากร ดูเหมือนจะไร้ค่าไปในบัดดล
ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้ว ที่หน่วยงานซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะตำรวจ ควรดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเหล่าอาชญากรประเภทนี้ เพื่อไม่ให้บทเรียนราคาแพงบทเรียนนี้ ได้หวนไปเกิดขึ้นกับครอบครัวใครได้อีก!