xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เปิดศูนย์ติดตามยาเสพติด หวังทำไทยเป็นพื้นที่สีขาว!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญนัดแรก
ผบ.ตร.เปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติด อิงยุทธศาสตร์ 315 ขยายผลการปราบปรามยาเสพติดครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เน้นต่อยอดเฝ้าระวังกลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมทั้งอาวุธสงคราม โดยพุ่งเป้าทำให้ประเทศเป็นสีขาว

วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นประธานเปิด “ศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญ” ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยได้ประชุมผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดให้โทษเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจและการเมือง สถานการณ์ในปัจจุบันนอกจากการแพร่ระบาดของยาบ้าแล้ว ยังมีการแพร่ระบาดของยาไอซ์ที่เริ่มมีการระบาดควบคู่กันมากขึ้น โดยยาไอซ์มีความรุนแรงมากกว่ายาบ้ามาก ซึ่งการจับกุมในแต่ละครั้งจะมีของกลางจำนวนมากเป็นลำดับ ตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน จนถึงล้านเม็ด โดยการจับกุมมีทั้งในเส้นทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการลำเลียงนำส่ง มีการจับกุมในแหล่งพักยา ซึ่งเป็นที่รวมก่อนที่จะกระจายไปยังแหล่งจำหน่ายต่างๆ โดยผลการจับกุมสารตั้งต้นในการผลิตคราวละมากๆ และที่สำคัญมีการจับกุมเครื่องปั๊ม ซึ่งใช้ในการผลิตแสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตปริมณฑล ซึ่งปัญหาเดิมเป็นการผลิตจากภายนอกประเทศและนำเข้ามาภายในประเทศ

“ศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญจัดตั้งขึ้น เพื่อให้การปราบปรามยาเสพติด ขยายครอบคลุมไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยอาศัยหลักการตามยุทธศาสตร์ 315 เป็นแผนการดำเนินงาน เป็นการต่อยอดเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งนอกจากจะเป็นศูนย์ที่เฝ้าระวังเรื่องยาเสพติดแล้ว ยังเป็นศูนย์ที่ควบคุมเฝ้าระวังเรื่องอาชญากรรม กลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือเรื่องของคดีที่สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ รวมทั้งเรื่องของอาวุธปืนอาวุธสงครามด้วย โดยมีเป้าหมายจะทำให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่สีขาวทั่วประเทศให้จงได้ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเชื่อมั่นว่าการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญ จะทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับการตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการประชุมในเวลา 14.00 น.ของทุกวันพฤหัสบดี” ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า การเสพยาเสพติดมีผลเสียโดยตรงกับร่างกายและสมอง โดยเฉพาะผู้ที่เสพมาเป็นเวลานาน 3-5 ปี ซึ่งจะมีผลต่อระบบประสาทและสมอง โดยจะถูกทำลายอย่างถาวรถึง 90 เปอร์เซนต์ ซึ่งหากมีการเสพประกอบกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เข้าไป จะส่งผลให้ผู้เสพมีอาการเลื่อนลอย บางครั้งอาจคลุ้มคลั่ง หวาดระแวง ประสาทหลอน ทำให้เกิดเหตุร้ายตามมา เช่น กรณี “น้องเหนือ” คนร้ายที่ก่อเหตุมีลักษณะอาการคล้ายกับกรณีที่เกิดเหตุกับ “หมอกวาง” เมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันป้องกันปราบปรามยาเสพติด โดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแจ้งข้อมูลเบาะแสยาเสพติด และหากมีบุตรหลานหรือญาติที่เสพยาเสพติด ให้นำเข้าโครงการบำบัด เพื่อเป็นการตัดวงจรยาเสพติดร่วมกัน เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เกิดกับประชาชนนั่นเอง”

ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ในระยะเร่งด่วน ตามยุทธการ 315 ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 54 มีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญได้จำนวน 29 คดี ผู้ต้องหา 53 คน ของกลางยาบ้ากว่า 2.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 64 กิโลกรัม เฮโรอีน 7 กิโลกรัม เอ็กซ์ตาซี กว่า 1 พันเม็ด ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดรีน กว่า 5 ล้านเม็ด ซึ่งเมื่อเทียบกับสองเดือนก่อนหน้า สามารถจับกุมได้มากกว่าเท่าตัว ทั้งนี้ จากการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามแผนยุทธการ 315 ทำให้การจับกุมยาเสพติดในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อนักค้าในพื้นที่ชายแดนชะลอการนำเข้ามายังพื้นที่ และทำให้การแพร่ระบาดลดลง เนื่องจากมีการส่งชุดปฏิบัติการลงไปในพื้นที่ ทำให้การซื้อขายยาเสพติดในแหล่งแพร่ระบาดทำได้ยากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น