ตำรวจ ปคม.ล่อซื้อบริการสาวคาราโอเกะแล้วรวบสองผัวเมียเจ้าของอ้างเด็กสมัครใจค้ากามเองอีกรายล่อซื้อเด็กหญิงวัย 14 จากคาราโอเกะเมืองปากน้ำ แล้วตะครุบแม่เล้า สารภาพเด็กเต็มใจทำงานเองคิดค่าบริการ 2 พัน แบ่งเด็ก 500 บาท พร้อมจับหนุ่มอุตรดิตถ์ค้ามนุษย์สาวชาวลาว พบประวัติเคยถูกจับในคดีเดียวกันมาก่อน
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รองผบก.ปคม.พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รองผกก.2 บก.ปคม. แถลงการจับกุมนายนิพนธ์ พุทธโต อายุ 45 ปี และนางวิภาวดี บุดดาจันทร์ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านน้องภูไท 1 คาราโอเกะ ตั้งอยู่เลขที่ 31 ซอย 4 ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางเงินสดที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 1,500 บาท และถุงยางอนามัยจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่ร้านดังกล่าว
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ชุดสืบสวน กก.2 บก.ปคม.สืบทราบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีเด็กที่ร้านน้องภูไท 1 คาราโอเกะ จึงให้สายลับเข้าล่อซื้อบริการจาก น.ส.เอ๋ น.ส.เก๋ อายุ 17 ปี น.ส.ก้อย และ น.ส.กิ๊ก อายุ 16 ปี (ทั้งหมดนามสมมติ) ซึ่งเป็นพนักงานที่คอยนั่งบริการให้กับลูกค้าของร้านดังกล่าว จากนั้นจึงจ่ายเงินค่าบริการจำนวน 1,500 บาท ก่อนที่ น.ส.ก้อย จะพาสายลับไปยังห้องที่เปิดรอไว้ที่หอพักภายในซอยบางแก้ว 428 หมู่ 2 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวต่อว่า จากนั้นสายลับจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายนิพนธ์ และนางวิภาวดี พร้อมกันนั้นได้เข้าตรวจค้นภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว พบหญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี 4 คน และอายุกว่า 18 ปี อีก 5 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดเอาไว้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับ นายนิพนธ์ และนางวิภาวดี ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6
สอบสวนทั้งสองให้การว่า หญิงสาวที่มาให้บริการในร้านของตนทั้งหมดสมัครใจมาทำงานเอง โดยมีทั้งมาสมัครทำงานและที่รู้จักชักชวนกันมา ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
อีกรายเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม น.ส.บังอร บุญขันธ์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางเงินสด 1,500 บาท และถุงยางอนามัย จับกุมได้ที่ร้านน้องหญิงคาราโอเกะ เลขที่ 826 หมู่ 3 ซอยอรุณรัตน์ ถนนท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังจากสืบทราบว่าร้านคาราโอเกะแห่งนี้ปล่อยให้มีการลักลอบค้าประเวณีเด็ก เจ้าหน้าที่จึงเข้าล่อซื้อบริการจาก ด.ญ.นุ่น (นามสมมติ) อายุ 14 ปี พนักงานของร้านแห่งนี้ และตกลงจ่ายเงินค่าบริการเป็นจำนวน 2,000 บาท ให้กับ น.ส.บังอร ก่อนมีการพาไปยังห้องพักชั้น 2 ของร้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม น.ส.บังอร โดยแจ้งข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ปล่อยให้มีการค้าประเวณีจริง ส่วนเด็กหญิงผู้เสียหายก็สมัครใจมาทำงานซึ่งตนจะคิดเงินค่าบริการ 2,000 บาท โดยแบ่งให้กับเด็ก 500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดี
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข ผกก.5 บก.ปคม.พร้อมกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จับกุมนายสุรชาติ ยิ่งฉลาด อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 10 ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ในข้อหาค้ามนุษย์ ได้ที่ร้านคาราโอเกะไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 910/2 หมู่ 2 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และเข้าช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาว อายุระหว่าง 19-21 ปี รวม 11 คน ซึ่งเป็นพนักงานในร้านออกมาได้
จากการตรวจสอบพบว่า แรงงานต่างด้าวทั้งหมดมีใบอนุญาตเข้าเมืองถูกต้อง แต่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร ส่วน นายสุรชาติ พบว่า มีประวัติเคยถูกตำรวจท้องที่จับกุมตัวในความผิดลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับมากระทำผิดซ้ำอีกครั้ง จึงนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รองผบก.ปคม.พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รองผกก.2 บก.ปคม. แถลงการจับกุมนายนิพนธ์ พุทธโต อายุ 45 ปี และนางวิภาวดี บุดดาจันทร์ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านน้องภูไท 1 คาราโอเกะ ตั้งอยู่เลขที่ 31 ซอย 4 ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางเงินสดที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 1,500 บาท และถุงยางอนามัยจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่ร้านดังกล่าว
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ชุดสืบสวน กก.2 บก.ปคม.สืบทราบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีเด็กที่ร้านน้องภูไท 1 คาราโอเกะ จึงให้สายลับเข้าล่อซื้อบริการจาก น.ส.เอ๋ น.ส.เก๋ อายุ 17 ปี น.ส.ก้อย และ น.ส.กิ๊ก อายุ 16 ปี (ทั้งหมดนามสมมติ) ซึ่งเป็นพนักงานที่คอยนั่งบริการให้กับลูกค้าของร้านดังกล่าว จากนั้นจึงจ่ายเงินค่าบริการจำนวน 1,500 บาท ก่อนที่ น.ส.ก้อย จะพาสายลับไปยังห้องที่เปิดรอไว้ที่หอพักภายในซอยบางแก้ว 428 หมู่ 2 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวต่อว่า จากนั้นสายลับจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายนิพนธ์ และนางวิภาวดี พร้อมกันนั้นได้เข้าตรวจค้นภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว พบหญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี 4 คน และอายุกว่า 18 ปี อีก 5 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดเอาไว้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับ นายนิพนธ์ และนางวิภาวดี ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6
สอบสวนทั้งสองให้การว่า หญิงสาวที่มาให้บริการในร้านของตนทั้งหมดสมัครใจมาทำงานเอง โดยมีทั้งมาสมัครทำงานและที่รู้จักชักชวนกันมา ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
อีกรายเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม น.ส.บังอร บุญขันธ์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางเงินสด 1,500 บาท และถุงยางอนามัย จับกุมได้ที่ร้านน้องหญิงคาราโอเกะ เลขที่ 826 หมู่ 3 ซอยอรุณรัตน์ ถนนท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังจากสืบทราบว่าร้านคาราโอเกะแห่งนี้ปล่อยให้มีการลักลอบค้าประเวณีเด็ก เจ้าหน้าที่จึงเข้าล่อซื้อบริการจาก ด.ญ.นุ่น (นามสมมติ) อายุ 14 ปี พนักงานของร้านแห่งนี้ และตกลงจ่ายเงินค่าบริการเป็นจำนวน 2,000 บาท ให้กับ น.ส.บังอร ก่อนมีการพาไปยังห้องพักชั้น 2 ของร้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม น.ส.บังอร โดยแจ้งข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ปล่อยให้มีการค้าประเวณีจริง ส่วนเด็กหญิงผู้เสียหายก็สมัครใจมาทำงานซึ่งตนจะคิดเงินค่าบริการ 2,000 บาท โดยแบ่งให้กับเด็ก 500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดี
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข ผกก.5 บก.ปคม.พร้อมกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จับกุมนายสุรชาติ ยิ่งฉลาด อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 10 ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ในข้อหาค้ามนุษย์ ได้ที่ร้านคาราโอเกะไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 910/2 หมู่ 2 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และเข้าช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาว อายุระหว่าง 19-21 ปี รวม 11 คน ซึ่งเป็นพนักงานในร้านออกมาได้
จากการตรวจสอบพบว่า แรงงานต่างด้าวทั้งหมดมีใบอนุญาตเข้าเมืองถูกต้อง แต่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร ส่วน นายสุรชาติ พบว่า มีประวัติเคยถูกตำรวจท้องที่จับกุมตัวในความผิดลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับมากระทำผิดซ้ำอีกครั้ง จึงนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป