ทันทีที่ชื่อของ“น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล” ลูกสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ติดอยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับที่ 42 ของพรรคเพื่อไทย ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการตอบแทนของนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร”ที่ต้องดูแลผู้เป็นลูกสาวของบุคคลที่ได้ต่อสู้และตายในสงคราม(เถื่อน)ของมวลชนคนเสื้อแดง
การตอบแทนครั้งนี้ แม้แต่ “เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล”ยังยอมรับว่า การถูกเสนอชื่อเข้าเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 42 ของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นเรื่องที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่านมากกว่า แต่ส่วนหนึ่งเขาเชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อ ก็คงไม่ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรค และคงไม่ได้รับโอกาสในครั้งนี้
นอกจากนั้น ลูกสาว เสธ.แดง ยังเคยพูดเปิดใจหลังจากเสียพ่อ ในงาน Ignite Thailand จัดโดยเครือข่ายพลังบวกที่สวนลุมพินี โดยเธอพูดในหัวข้อ “การเมืองในครอบครัว” ตอนหนึ่งว่า...“นี่เป็นครั้งแรกที่เดียร์ได้มีโอกาสมาพูดต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ คือเดียร์เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ ต้องมีบางส่วนที่ไม่ชอบคุณพ่อของเดียร์ เนื่องจากคุณพ่อของเดียร์เป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช.”
หลังผู้เป็นลูกสาวได้นั่ง ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราขอย้อนกลับไปสู่มรดกบาป “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ที่ผู้เป็นพ่อได้สร้างไว้ แม้วันนี้เขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วก็ตาม แต่ประชาชนต้องไม่ลืมว่ามันเกิดอะไรขึ้น และหากวันนั้น เสธ.แดง ไม่ถูกยิงเสียก่อน ประเทศจะย่อยยับไปด้วยน้ำมือของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” มากกว่านี้ กี่เท่าตัว
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกคนร้ายลั่นไกปลิดชีพ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 ท่ามกลางความอลหม่านรุนแรงวุ่นวาย ต่อเนื่อง โดยมีภาพปรากฏตามสื่อฉายให้เห็นการระดมยิงออกมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 4-5 ชุด นับร้อยนัด ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จนต้องสิ้นใจตาย ประกอบกับการเผายางรถยนต์ การยิงบั้งไฟรบกวนโสตประสาท และก่อกวนคลื่นการบินตรวจการณ์ของเฮลิคอปเตอร์จากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ก็สะท้อนให้เห็นถึงสงครามกลางเมืองของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” อย่างชัดเจนในเนื้องานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ชุมนุม กลางแยกราชประสงค์
ความป่าเถื่อนจุดกำเนิด “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” เริ่มจาก 10 เม.ย.53 วันที่เจ้าหน้าที่ทหารตีวงล้อมกรอบ แก๊งเสื้อแดง เพื่อสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานผ่านฟ้าฯ อนุสาวรีย์ประชาธิไตย สี่แยกคอกวัว ได้เกิดความรุนแรง เมื่อชุดปฏิบัติการเสื้อดำ และชายนิรนามชุดดำได้ขว้างปาระเบิดเอ็ม 79 ยิงปืนอาก้า (AK-47) และจรวดอาร์พีจี ซึ่งล้วนเป็นอาวุธที่ใช้ในราชการสงครามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารเสมือน อยู่ในสนามรบ จนเป็นเหตุให้ตำรวจและทหารหลายนาย และฝ่ายผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต ซึ่งคงจะเพียงพอยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่ามีผู้ก่อการร้าย-กองกำลังไม่ทราบฝ่าย พร้อมอาวุธอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง
ชัดขึ้นไปอีก เมื่อภาพของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ขัตติยะ ครั้งเขาหยิบยกขึ้นปราศรัยและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า... “หากรัฐบาลจะทำการสลายการชุมนุม จะต้องเจอกับกลุ่ม (นักรบโรนิน) ซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแน่”
รวมถึงการปราศรัยของ “ไอ้กี้ร์ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” พูดชัดว่า “วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ เป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตายเท่านั้นพี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้นคนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมือง และมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอ นั่นคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุนและปกป้องคนเสื้อแดงและพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน”
สถานการณ์ตอนนั้น “เสธ.แดง” ถูกกล่าวขานถึงหลายครั้ง โดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พูดชัดเจนในทำนองที่ว่ามีส่วนร่วมกับเครือข่ายการก่อความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์เฉพาะหน้านับตั้งแต่มีการประกาศแผนปรองดอง “เสธ.แดง” เขาคือหนึ่งแกนนำหลักที่ประกาศไม่ร่วมด้วยและมีแนวโน้มในการรวมตัวมวลของชนแดงฮาร์ดคอร์เพื่อต่อต้านรัฐบาล
นอกจากนั้น ในทุกครั้งที่มีเหตุระเบิดไม่ทราบฝ่ายเกิดขึ้น เสธ.แดง มักจะปรากฏตัวออกมาให้สัมภาษณ์ หรือไม่ก็ปรากฏชื่อในการเป็นผู้ที่น่าจะต้องสงสัยเสมอ อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อ “เสธ.แดง” ถูกรื้อบ้านพักเมื่อปลายเดือน ม.ค.53 พบอาวุธสงครามจำนวนมาก จากนั้นยังมีเหตุให้ต้องพบอาวุธในบ้านพักของลูกน้องคนสนิท ไม่เว้นกระทั่งในรถยนต์
เหล่านี้เองคือมูลเหตุจูงใจให้ทุกคนคิดว่า ระเบิดหลายครั้งมีชายคนนี้อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่มีการยิงทหารเสือราชินีเมื่อคืนสลายการชุมนุม 10 เม.ย. ถึงขั้นเสียชีวิต
ภาพข่าว “กบฏแดง” ระดมนักก่อการร้าย เผายางรถยนต์ ปล้นสะดมร้านค้า ประชาชน ทุบทำลายตู้เอทีเอ็มปล้นเงินไปใช้ ยิงผู้บริสุทธิ์ โดยใช้เด็ก ผู้หญิง คนชรา เป็นโล่ป้องกัน ขณะที่แกนนำยึดคำสั่งผู้บงการใหญ่นอกประเทศอย่างแข็งขัน ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้โจทย์ “ประชาชนเสียชีวิตมากทวีคูณ อภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ และนั่นคือชัยชนะของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ชัยชนะของม็อบ(ทักษิณ)แดงเถื่อน”
วันนั้น...! น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ยอมรับว่า คุณพ่อของเขาเป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช. และเขาเชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อก็คงไม่ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรค และคงไม่ได้รับโอกาสให้อยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับที่ 42
วันนี้...! น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เธอได้รับผลตอบแทนอย่างสูงยิ่ง จากมรดกบาปที่พ่อของเธอได้สร้างไว้ เมื่อเธอได้รับการรับรองจาก กกต.ให้เป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เข้าไปทำหน้าที่ในสภาหินอ่อนครั้งแรกในชีวิต...!!!





การตอบแทนครั้งนี้ แม้แต่ “เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล”ยังยอมรับว่า การถูกเสนอชื่อเข้าเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 42 ของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นเรื่องที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่านมากกว่า แต่ส่วนหนึ่งเขาเชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อ ก็คงไม่ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรค และคงไม่ได้รับโอกาสในครั้งนี้
นอกจากนั้น ลูกสาว เสธ.แดง ยังเคยพูดเปิดใจหลังจากเสียพ่อ ในงาน Ignite Thailand จัดโดยเครือข่ายพลังบวกที่สวนลุมพินี โดยเธอพูดในหัวข้อ “การเมืองในครอบครัว” ตอนหนึ่งว่า...“นี่เป็นครั้งแรกที่เดียร์ได้มีโอกาสมาพูดต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ คือเดียร์เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ ต้องมีบางส่วนที่ไม่ชอบคุณพ่อของเดียร์ เนื่องจากคุณพ่อของเดียร์เป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช.”
หลังผู้เป็นลูกสาวได้นั่ง ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราขอย้อนกลับไปสู่มรดกบาป “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ที่ผู้เป็นพ่อได้สร้างไว้ แม้วันนี้เขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วก็ตาม แต่ประชาชนต้องไม่ลืมว่ามันเกิดอะไรขึ้น และหากวันนั้น เสธ.แดง ไม่ถูกยิงเสียก่อน ประเทศจะย่อยยับไปด้วยน้ำมือของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” มากกว่านี้ กี่เท่าตัว
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกคนร้ายลั่นไกปลิดชีพ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 ท่ามกลางความอลหม่านรุนแรงวุ่นวาย ต่อเนื่อง โดยมีภาพปรากฏตามสื่อฉายให้เห็นการระดมยิงออกมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 4-5 ชุด นับร้อยนัด ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จนต้องสิ้นใจตาย ประกอบกับการเผายางรถยนต์ การยิงบั้งไฟรบกวนโสตประสาท และก่อกวนคลื่นการบินตรวจการณ์ของเฮลิคอปเตอร์จากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ก็สะท้อนให้เห็นถึงสงครามกลางเมืองของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” อย่างชัดเจนในเนื้องานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ชุมนุม กลางแยกราชประสงค์
ความป่าเถื่อนจุดกำเนิด “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” เริ่มจาก 10 เม.ย.53 วันที่เจ้าหน้าที่ทหารตีวงล้อมกรอบ แก๊งเสื้อแดง เพื่อสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานผ่านฟ้าฯ อนุสาวรีย์ประชาธิไตย สี่แยกคอกวัว ได้เกิดความรุนแรง เมื่อชุดปฏิบัติการเสื้อดำ และชายนิรนามชุดดำได้ขว้างปาระเบิดเอ็ม 79 ยิงปืนอาก้า (AK-47) และจรวดอาร์พีจี ซึ่งล้วนเป็นอาวุธที่ใช้ในราชการสงครามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารเสมือน อยู่ในสนามรบ จนเป็นเหตุให้ตำรวจและทหารหลายนาย และฝ่ายผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต ซึ่งคงจะเพียงพอยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่ามีผู้ก่อการร้าย-กองกำลังไม่ทราบฝ่าย พร้อมอาวุธอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง
ชัดขึ้นไปอีก เมื่อภาพของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ขัตติยะ ครั้งเขาหยิบยกขึ้นปราศรัยและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า... “หากรัฐบาลจะทำการสลายการชุมนุม จะต้องเจอกับกลุ่ม (นักรบโรนิน) ซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแน่”
รวมถึงการปราศรัยของ “ไอ้กี้ร์ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” พูดชัดว่า “วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ เป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตายเท่านั้นพี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้นคนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมือง และมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอ นั่นคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุนและปกป้องคนเสื้อแดงและพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน”
สถานการณ์ตอนนั้น “เสธ.แดง” ถูกกล่าวขานถึงหลายครั้ง โดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พูดชัดเจนในทำนองที่ว่ามีส่วนร่วมกับเครือข่ายการก่อความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์เฉพาะหน้านับตั้งแต่มีการประกาศแผนปรองดอง “เสธ.แดง” เขาคือหนึ่งแกนนำหลักที่ประกาศไม่ร่วมด้วยและมีแนวโน้มในการรวมตัวมวลของชนแดงฮาร์ดคอร์เพื่อต่อต้านรัฐบาล
นอกจากนั้น ในทุกครั้งที่มีเหตุระเบิดไม่ทราบฝ่ายเกิดขึ้น เสธ.แดง มักจะปรากฏตัวออกมาให้สัมภาษณ์ หรือไม่ก็ปรากฏชื่อในการเป็นผู้ที่น่าจะต้องสงสัยเสมอ อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อ “เสธ.แดง” ถูกรื้อบ้านพักเมื่อปลายเดือน ม.ค.53 พบอาวุธสงครามจำนวนมาก จากนั้นยังมีเหตุให้ต้องพบอาวุธในบ้านพักของลูกน้องคนสนิท ไม่เว้นกระทั่งในรถยนต์
เหล่านี้เองคือมูลเหตุจูงใจให้ทุกคนคิดว่า ระเบิดหลายครั้งมีชายคนนี้อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่มีการยิงทหารเสือราชินีเมื่อคืนสลายการชุมนุม 10 เม.ย. ถึงขั้นเสียชีวิต
ภาพข่าว “กบฏแดง” ระดมนักก่อการร้าย เผายางรถยนต์ ปล้นสะดมร้านค้า ประชาชน ทุบทำลายตู้เอทีเอ็มปล้นเงินไปใช้ ยิงผู้บริสุทธิ์ โดยใช้เด็ก ผู้หญิง คนชรา เป็นโล่ป้องกัน ขณะที่แกนนำยึดคำสั่งผู้บงการใหญ่นอกประเทศอย่างแข็งขัน ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้โจทย์ “ประชาชนเสียชีวิตมากทวีคูณ อภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ และนั่นคือชัยชนะของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ชัยชนะของม็อบ(ทักษิณ)แดงเถื่อน”
วันนั้น...! น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ยอมรับว่า คุณพ่อของเขาเป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช. และเขาเชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อก็คงไม่ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรค และคงไม่ได้รับโอกาสให้อยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับที่ 42
วันนี้...! น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เธอได้รับผลตอบแทนอย่างสูงยิ่ง จากมรดกบาปที่พ่อของเธอได้สร้างไว้ เมื่อเธอได้รับการรับรองจาก กกต.ให้เป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เข้าไปทำหน้าที่ในสภาหินอ่อนครั้งแรกในชีวิต...!!!