xs
xsm
sm
md
lg

สืบโจทก์เผาเซ็นทรัลเวิลด์! พยานยันจำเลยการ์ด นปช.วางเพลิง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ) เพลิงเผาไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์
ศาลสืบพยานนัดแรก คดีวางเพลิงเผาทรัพย์ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเจ้าหน้าที่ประจำห้องกล้องวงจรปิด CCTV ระบุ มีชายฉกรรจ์ใช้ผ้าปิดบังหน้า มีผ้าพันคอสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ พยายามหาเชื้อเพลิง เพื่อวางเพลิงห้าง

วันนี้ (12 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 501 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ ด.2478/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสายชล แพบัว อายุ 29 ปี ชาว จังหวัดชัยนาท การ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) และ นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 27 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 217, 218, 224 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4, 5, 9, 11, 18 รวมทั้งข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงวันที่ 7 เม.ย.53 และประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่อง ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม ลงวันที่ 8 เม.ย.53 กรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารเซ็นทาวเวอร์และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ที่ตั้งอยู่แยกราชประสงค์

โดยวันนี้อัยการนำเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการกล้องวงจรปิด CCTV ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ของ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เบิกความเป็นพยาน พร้อมกับนำพยานวัตถุ ซึ่งเป็นภาพที่บันทึกได้จากกล้อง CCTV รวม 6 จุดภายในอาคาร มานำสืบ ประกอบด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำห้อง CCTV ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับภาพที่ปรากฏในกล้อง CCTV ระบุว่า จะมีการ์ดชายฉกรรจ์ที่มีผ้าปิดบังใบหน้า ประมาณ 10-20 คน ซึ่งบางคนมีผ้าพันคอสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ด้วย เข้ามาอยู่ภายในอาคาร และพยายามที่จะหาเชื้อเพลิง มาวางเพลิง โดยช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเจรจาด้วย แต่ไม่เป็นผล จนเกิดเพลิงไหม้ครั้งแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พยายามเข้าระงับเหตุแล้ว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์พยายามวางเพลิงอีกรอบสอง โดยเมื่อเหตุเริ่มลุกลามขึ้นพนักงานทั้งหมดต่างลงมาที่ลานจอดรถชั้น 1 ของอาคาร

อย่างไรก็ดี เมื่อเสร็จสิ้นการเบิกความของพยานปากนี้แล้ว ศาลก็ได้นัดสืบพยานปากต่อไปอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกันบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยพวกจำเลยได้เข้าไปในบริเวณอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์แล้วใช้กำลังทำลายบานกระจกผนังอาคาร บานกระจกประตู อาคารเซ็นทาวเวอร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณห้างสรรพสินค้าดังกล่าวจนแตกเสียหายและยังเป็นการกีดขวางการจราจร ขัดขวางต่อการประกอบกิจการของห้าง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหาย และเกรงกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และจำเลยทั้งสองกับพวก ยังได้ร่วมกันเข้าไปภายในบริเวณอาคารเซ็นทาวเวอร์และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นทรัพย์โรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แล้วพวกจำเลยได้ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ เผาอาคารเซ็นทาวเวอร์และไฟไหม้เผาทรัพย์สินต่างๆของผู้เสียหายที่ 1 ถึงผู้เสียหายที่ 270 รวมค่าเสียหายจำนวน 8,890,578,649.61 บาท และยังเป็นเหตุให้นายกิติพงษ์ หรือ กิตติพงษ์ สมสูข ที่อยู่ภายในอาคารดังกล่าวถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่แขวงและเขตปทุมวัน กทม.
กำลังโหลดความคิดเห็น