ว่าที่ผู้สมัคร อบต.บ้านโนนกลาง ชัยภูมิ และ 2 พี่น้องชาวชัยภูมิ ยื่นฟ้อง กกต.ขอคืนสิทธิเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งไม่ได้ เนื่องจาก กกต.อ้างเป็นผู้ขอใช้สิทธินอกเขตไปแล้ว
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.45 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง นายชุมพล สังข์ทอง ทนายความ พร้อม นายสุรสิทธิ์ ใบลี อายุ 52 ปี ว่าที่ผู้สมัคร อบต.บ้านโนนกลาง ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ น.ส.ศิริภานีย์ ใต้ชัยภูมิ อายุ 24 ปี และ น.ส.ภารินีย์ ใต้ชัยภูมิ อายุ 25 ปี สองพี่น้องชาว จ.ชัยภูมิ ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้งขอให้ศาลฎีกาฯ จัดการเลือกตั้งใหม่และขอให้คืนสิทธิทางการเมืองแก่ผู้ร้องทั้งสาม
โดยตามคำร้องสรุปว่าผู้ร้องทั้งสามเป็นประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ควบคุม และดำเนินการจัดการให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นายสุรสิทธิ์ ผู้ร้อง ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 ณ ศาลากลางบ้านโนนกลาง หมู่ที่ 12 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ส่วน น.ส.ศิริภานีย์ และ น.ส.ภารินีย์ ผู้ร้อง ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดป่าภูเขียว หมู่ที่ 1 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แต่ปรากฏว่า กรรมการประจำการเลือกตั้ง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถูกร้องทั้งสองหน่วยได้แจ้งแก่ผู้ร้องทั้งสาม ว่า ผู้ร้องไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เพราะเป็นบุคคลที่ขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ตั้งแต่มีการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2554 ผู้ร้องไม่เคยไปขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตกับผู้ถูกร้องแต่อย่างใด
โดยผู้ถูกร้องอ้างว่าบทบัญญัติ ม.97 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเคยขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจะหมดสิทธิลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งเดิมจนกว่าจะได้ดำเนินการลงทะเบียนเปลี่ยนแปลง อันเป็นการสร้างภาระให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แทนที่จะเป็นการอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ยังปรากฏตามสื่อมวลชนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกนับล้านคนไม่สามารถลงคะแนนได้ โดยที่กรุงเทพมหานครแจ้งยอดมีผู้มาขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจำนวน 1,079,923 คน จึงคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 จึงเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายและเสียสิทธิตามกฎหมายหลายประการ
ผู้ร้องจึงขอให้ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ยกเลิกเพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 และขอให้ยกเลิกเพิกถอนการตัดสิทธิทางการเมืองของผู้ร้องทั้งสามและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอันสืบเนื่องมาจากการไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ทั้งหมด
โดยศาลฎีกาฯรับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ลต.11-13/2554 และนัดฟังคำสั่งว่าจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาหรือไม่ในวันที่ 13 สิงหาคม เวลา 16.00 น.
ภายหลัง นายชุมพล ทนายความ กล่าวว่า ผู้ร้องทั้งสามคนเคยขอใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งที่กรุงเทพเมื่อการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 สมัยที่นายสุรสิทธิ์ ทำงาน และ น.ส.ศิริภานีย์ และน.ส.ภารินีย์ ยังศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ไปขอแต่ปรากฏว่าเมื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้กลับไม่สามารถใช้สิทธิได้ จึงเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน ซึ่งควรเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รอฟังคำสั่งจากศาลว่าจะพิจารณาเช่นไร หากศาลรับฟ้องก็จะเป็นผลดีต่อผู้ที่เสียสิทธิในลักษณะเช่นเดียวกันทั่วประเทศ จะได้รู้ว่า กกต.หรือรัฐบาลควรอำนวยความสะดวกต่อประชาชน เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้ง 3 คน ไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ แต่มีประชาชนอีกจำนวนมากที่เสียสิทธิเช่นกัน แต่หากศาลไม่รับฟ้อง ก็คงต้องใช้กระบวนการนิติบัญญัติแสดงเจตจำนงค์อื่น ซึ่งตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้างมีผู้มาขอใช้สิทธิล่วงหน้านอกเขตมากถึงกว่า 1 ล้านคน ซึ่งตนมองว่าบุคคลเหล่านั้นควรมาแสดงตัวกับ กกต.หากมีไม่ครบตามที่รัฐแจ้งไว้ก็ต้องใช้ม็อบออกมาเคลื่อนไหว เพราะหน่วยงานรัฐต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ได้