สองผัว-เมียเมืองชลฯ เข้าแจ้งความถูกชายอ้างเป็นเลขาฯผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาทำทีขอซื้อบ้านเอื้ออาทร แล้วฉกเอาสำเนาบัตรประชาชน ไปปลอมลายเซ็น-ก่อนนำเรื่องร้องเรียน กกต.กล่าวหาพรรคพลังชลซื้อเสียงโกงเลือกตั้ง
วันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ กองปราบปราม นายโชคพิสิฐ วรพัฒน์ธนาชัย อายุ 41 ปี เลขานุการ นายรณเทพ อนุวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เขต 3 ชลบุรี พรรคพลังชล ได้พา น.ส.ปฐมพร เพชรชัยสกุล อายุ 34 ปี และ นายภูชิต เพชรชัยสกุล อายุ 46 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 80/147 หมู่ 5 ต.บ้านเชิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เหรียญ บัวลา พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่นำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.ปฐมพร นายภูชิต และเพื่อนอีกคนไปใช้โดยมีการปลอมลายเซ็นใช้ประกอบเอกสารร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ จ.ชลบุรี
น.ส.ปฐมพร กล่าวว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ตนเปิดร้านขายกาแฟอยู่ที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้มี นายอิสระ ไม่ทราบนามสกุล อ้างตัวเป็นเลขาผู้สมัคร ส.ส.พรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง (นายประเสริฐ สุวทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ชลบุรี) ทำทีขอซื้อบ้านเอื้ออาทร ก่อนหยิบสำเนาบัตรประชาชนของตนกับสามีและเพื่อนรวม 3 คนไป
น.ส.ปฐมพร กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่า ตนได้ร้องเรียนพรรคพลังชลว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งที่ตนไม่มีส่วนรู้เห็น และเมื่อวาน (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์นับ 10 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในบ้าน พยายามจะพาตนเองไปเป็นพยานในเรื่องดังกล่าว จนตนเอง และสามี ต้องหนีออกจากบ้าน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
“ครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อจาก กกต.ฉันรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งแต่อย่างใด พอตั้งสติได้ก็นึกขึ้นได้ว่าสำเนาบัตรประชาชนถูกผู้ประสานงานพรรคการเมืองคนดังกล่าวหยิบไป” น.ส.ปฐมพร กล่าว
น.ส.ปฐมพร กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม มีชายคนหนึ่งนำเงินจำนวน 1 หมื่นบาท มาวางไว้ให้ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้รับไว้ หลังจากนั้น ในวันที่ 5 กรกฎาคม ก็มีชายฉกรรจ์ 4-5 คน โดยหนึ่งในนั้นอ้างตัวว่าเป็นตำรวจระดับสารวัตร ชื่อ “อ๊อด” จะเชิญตัวไปสอบปากคำในฐานะพยานในกรณีการทุจริตเลือกตั้ง และไม่ทันจะได้ตอบคำถามใดๆ ก็ถูกฉุดกระชากตัว ระหว่างนั้นมีผู้โทรศัพท์ไปหา นายโชคพิสิฐ ซึ่งรู้จักกันมาก่อน จากนั้นทาง นายโชคพิสิฐ จึงรีบเดินทางมาหาและช่วยเหลือ ก่อนที่ตนจะใช้วิธีปีนรั้วหลังบ้านหลบหนีออกมาและเข้าแจ้งความกองปราบปรามดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เหรียญ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ โดยเบื้องต้นพบว่า กรณีนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมข้อเท็จจริงก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป