“จอห์น นูโว” พ้นผิด ศาลยกฟ้องคดีฟ้องเท็จบริษัทร่วมหุ้นบังคับข่มขู่จ่ายเงิน 2.2 ล้าน ศาลระบุไม่มีเจตนากระทำผิด เจ้าตัวยันพร้อมอภัยให้ทุกคน
วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่บริษัทซีเคเอ เชียงใหม่ จำกัด โดยนายเสถียร วัฒนาวีรวงศ์ กรรมการมีอำนาจ นายเสถียร วัฒนาวีรวงศ์ นายมาร์ค เชน โทมัส และน.ส.มณินทร คำวงษ์ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-4 ฟ้อง บริษัท ทรัยคาสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และนายนรศักดิ์ รัตนเวโรจน์ อายุ 44 ปี หรือจอห์น นูโว นักร้องนำวงนูโววงดนตรีชื่อดังในอดีต เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฟ้องเท็จ
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2551 จำเลยทั้งสองร่วมกันเอาความเท็จฟ้องโจทก์ทั้งสี่กับพวกอีก 2 คนว่าร่วมกันกรรโชกทรัพย์และซ่องโจร โดยอ้างในบรรยายฟ้องคดีดังกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 3-19 ก.ย. 2550 จำเลยทั้งหกกระทำการอันเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม ต่อมาวันที่ 26 ส.ค. 2552 ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โจทก์เห็นว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสี่รับโทษทางอาญา เหตุเกิดที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
ทางพิจารณาโจทก์ทั้ง 4 นำสืบว่า ตามที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า โจทก์ทั้ง 4 บังคับข่มขู่ จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ จนต้องออกเช็คจ่ายเงินจำนวน 2,200,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกันนั้นไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการบังคับข่มขู่แต่อย่างใด จำเลยที่ 2 ต้องชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และซ่องโจรตามคำฟ้องของจำเลยที่ 2 จึงเป็นฟ้องเท็จ ขณะที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า โจทก์ที่ 1 ร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 4 เป็นกรรมการของโจทก์ที่ 1 ลงนามร่วมกับตนสั่งจ่ายเช็คในนามบริษัท จำเลยที่ 1 คืนเงินกู้ยืมให้ตนจำนวน 1,100,000 บาท แต่หลังจากลงนามแล้ว โจทก์ที่ 4 เอาเช็คดังกล่าวไป ขณะที่โจทก์ที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายการเงิน ส่งอีเมล์มาต่อรองให้ตนสั่งจ่ายเช็คให้จำนวน 2,200,000 บาท แก่โจทก์ที่ 1 แล้วจะคืนเช็ค จำนวน 1,100,000 บาทให้ ตนไม่เห็นด้วย แต่ต้องจำยอมโดยให้กรรมการทั้งสองฝ่ายสั่งจ่ายเช็คให้ไป อันเป็นการบังคับและกรรโชกทรัพย์จากจำเลยที่ 2 ฟ้องของจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่การฟ้องเท็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่เห็นด้วยกับการจ่ายเงินจำนวน 2,200,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 2 เข้าใจได้ว่าการจ่ายเงินนั้น ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้ นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ยังส่งอีเมล์โต้ตอบโจทก์ และทวงเงินคืนแสดงถึงความไม่สมัครใจของจำเลยที่ 2 และไม่เห็นด้วยกับการสั่งจ่ายเช็ค จำนวน 2,200,000 บาท แก่โจทก์ตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงมีเหตุผลให้จำเลยที่ 2 เข้าใจโดยสุจริตตามที่บรรยายฟ้องดังกล่าว แม้ในคดีเดิมศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยเห็นว่าไม่เป็นความผิดตามข้อกฎหมายที่อ้างมาในฟ้องก็ตาม แต่เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามข้อกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้วินิจฉัยว่าคำฟ้องของจำเลยที่ 2 เป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้น เพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสี่ กับพวกโดยไม่เป็นความจริง จำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องกับพวกในคดีก่อนโดยบรรยายฟ้องข้อเท็จจริงตามเหตุที่ตนเข้าใจ มิได้บิดเบือนเรื่องราวให้เป็นเท็จ จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานฟ้องเท็จ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ภายหลัง จอห์น นูโว มีหนังสือเปิดผนึกถึงสื่อมวลชน ระบุว่า เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ว่าในที่สุดความจริงก็ปรากฏแล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ใช่ผู้ร้ายในสายตาของประชาชนหรือนักข่าวทั่วไปที่เคยเข้าใจหรือลงข่าวตนผิด อยากบอกว่าสื่อมวลชนรายไหนที่เคยลงข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับตนไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม ตนพร้อมจะยกโทษและให้โอกาสในการแก้ไขลบล้างสิ่งที่เคยทำให้ตน รวมถึงครอบครัวของตนต้องเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน ตนไม่ต้องการรื้อฟื้นประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดีความ เพราะเคยชี้แจงรวมถึงแถลงข่าวไปหลายครั้ง แม้ว่าในที่สุดอาจจะไม่ได้ช่วยเยียวยาความเสียหายหรือความรู้สึกของตนกับครอบครัวได้เต็มร้อย แต่อย่างน้อยคงทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า เราควรมีวิจารณญาณในการเสพข่าวจากสื่อ รวมถึงฟังความให้ครบถ้วนก่อนตัดสินตัวตนของคนคนนั้น ซึ่งถือว่าเป็น “เหยื่อ” ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้อภัยทุกคนสำหรับสิ่งที่ผ่านมา และจะลุกขึ้นเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศชาติและคนไทยทุกคนต่อไป