รวบหนุ่มขี้คุกตระเวนวิ่งราวทรัพย์ เน้นเหยื่อผู้หญิงเพราะก่อเหตุง่าย รับเคยถูกขังในคดีวิ่งราวทรัพย์ เมื่อพ้นคุกออกมาไม่มีงานทำเลยก่อเหตุหาเงินเลี้ยงตัว อ้างเคยลองขับแท็กซี่แต่เศรษฐกิจไม่ดีไปไม่รอดหาเงินยาก
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.กิตติพันธ์ จุนทการ ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงการจับกุมนายศักดิ์ดา สหสุทธิ์มนตรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 648 ถ.บำรุงเมือง แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 269/2554 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2554 ในข้อหาคดีวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย 1.จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นนูโวอิลิแกน หมายเลขทะเบียน ฬกข 6 กทม. 2.แหวนทองหนัก 50 สตางค์ 1 วง 3.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง 4.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็กเบอร์รี 1 เครื่อง 5.กระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือ 20 ใบ 6.อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา (ทัมป์ไดรฟ์) 2 อัน และของกลางอื่นๆ อีกกว่า 38 รายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม ถ.แก้วเงินทอง แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน
พ.ต.อ.ไตรเมตเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกคนร้ายเป็นชายขับขี่จักรยานยนต์วิ่งราวทรัพย์ เจ้าหน้าที่จึงได้ออกหาเบาะแสของคนร้าย เนื่องจากทราบว่าส่วนใหญ่ผู้ต้องหาจะตระเวนวิ่งราวทรัพย์ในท้องที่ปทุมวัน และท้องที่พญาไท กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นห้องพักภายในคอนโดดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบของกลางที่ได้มาจากการก่อเหตุจำนวนมาก
จากการสอบสวนนายศักดิ์ดากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 ตนเคยถูกจำคุกในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และพ้นโทษออกมาปี 2552 จากนั้นก็เริ่มก่อเหตุเรื่อยมาเพราะไม่มีงานทำ ส่วนมากจะเลือกเหยื่อที่เป็นหญิง เพราะดูแล้วน่าจะก่อเหตุง่ายและปลอดภัยมากกว่าเหยื่อผู้ชาย โดยทรัพย์สินที่ได้จากการตระเวนวิ่งราวทรัพย์ ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือจะนำไปขายตามร้านโทรศัพท์ เพื่อนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลังจากเงินหมดจะเริ่มตระเวนก่อเหตุอีก
“ผมยอมรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง และทรัพย์สินที่ได้มากที่สุดในการวิ่งราวทรัพย์คือเงินสกุลต่างประเทศจำนวน 6 พันดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนบาท อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ผมต้องลงมือก่อเหตุเพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี หาเงินยาก ก่อนหน้านี้ที่ผมพ้นโทษออกจากคุก ผมเคยลองขับแท็กซี่แต่ไปไม่รอด เลยหันกลับมาตระเวนก่อเหตุอีก ผมอยากจะขอโทษบรรดาผู้เสียหายที่ผมเคยก่อเหตุว่า ที่ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ” นายศักดิ์ดากล่าว
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.กิตติพันธ์ จุนทการ ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงการจับกุมนายศักดิ์ดา สหสุทธิ์มนตรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 648 ถ.บำรุงเมือง แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 269/2554 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2554 ในข้อหาคดีวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย 1.จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นนูโวอิลิแกน หมายเลขทะเบียน ฬกข 6 กทม. 2.แหวนทองหนัก 50 สตางค์ 1 วง 3.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง 4.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็กเบอร์รี 1 เครื่อง 5.กระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือ 20 ใบ 6.อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา (ทัมป์ไดรฟ์) 2 อัน และของกลางอื่นๆ อีกกว่า 38 รายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม ถ.แก้วเงินทอง แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน
พ.ต.อ.ไตรเมตเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกคนร้ายเป็นชายขับขี่จักรยานยนต์วิ่งราวทรัพย์ เจ้าหน้าที่จึงได้ออกหาเบาะแสของคนร้าย เนื่องจากทราบว่าส่วนใหญ่ผู้ต้องหาจะตระเวนวิ่งราวทรัพย์ในท้องที่ปทุมวัน และท้องที่พญาไท กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ ป.ปิ่นเกล้าคอนโดมิเนียม จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นห้องพักภายในคอนโดดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบของกลางที่ได้มาจากการก่อเหตุจำนวนมาก
จากการสอบสวนนายศักดิ์ดากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 ตนเคยถูกจำคุกในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และพ้นโทษออกมาปี 2552 จากนั้นก็เริ่มก่อเหตุเรื่อยมาเพราะไม่มีงานทำ ส่วนมากจะเลือกเหยื่อที่เป็นหญิง เพราะดูแล้วน่าจะก่อเหตุง่ายและปลอดภัยมากกว่าเหยื่อผู้ชาย โดยทรัพย์สินที่ได้จากการตระเวนวิ่งราวทรัพย์ ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือจะนำไปขายตามร้านโทรศัพท์ เพื่อนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลังจากเงินหมดจะเริ่มตระเวนก่อเหตุอีก
“ผมยอมรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง และทรัพย์สินที่ได้มากที่สุดในการวิ่งราวทรัพย์คือเงินสกุลต่างประเทศจำนวน 6 พันดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนบาท อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ผมต้องลงมือก่อเหตุเพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี หาเงินยาก ก่อนหน้านี้ที่ผมพ้นโทษออกจากคุก ผมเคยลองขับแท็กซี่แต่ไปไม่รอด เลยหันกลับมาตระเวนก่อเหตุอีก ผมอยากจะขอโทษบรรดาผู้เสียหายที่ผมเคยก่อเหตุว่า ที่ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ” นายศักดิ์ดากล่าว