ตำรวจ ดส.รวบโจ๋วัย 15 ลวงสาว ม.4 ทางอินเทอร์เน็ตผ่านโปรแกรมไฮไฟว์ ก่อนชวนมาที่บ้านและข่มขืน เจ้าตัวอ้างฝ่ายหญิงยินยอม เจ้าหน้าที่แจ้งจึงข้อหาพาบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีไปจากผู้ปกครอง
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.ดส.บช.น.) เมื่อเวลา 21.00 น. ร.ต.อ.มานะ จันทร์ลาด สว.กก.ดส.บช.น.พร้อมด้วย จ.ส.ต.ภาสกร ชูกรณ์ ผบ.หมู่งานสงเคราะห์และคุ้มครอง กก.ดส.บช.น.พร้อมกำลังจับกุมตัว นายปอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งหลังห้างสรรพสินค้าวันเดอร์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ใกล้ตลาดบางแค แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กทม.
ร.ต.อ.มานะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี พักอยู่ย่านบางแค ได้เข้าแจ้งความว่า น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี บุตรสาว ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้หายไปจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังบอกแม่ว่าไปทำรายงานส่งอาจารย์ที่บ้านเพื่อนในละแวกเดียวกัน โดยผู้ปกครองเกรงว่าลูกสาวจะถูกหลอกลวงไปทำมิดีมิร้าย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า น.ส.บี ได้ไปเล่นไฮไฟว์ที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ภายในซอยเดียวกัน จึงทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวพบว่า มีเพื่อนชื่อปอเข้ามาพูดคุยเป็นรายล่าสุด เจ้าหน้าที่จึงนำเบอร์โทรศัพท์ที่นายปอทิ้งไว้โทรศัพท์สอบถาม โดยนายปออ้างว่าตัวเองชื่อตั้ม อยู่ จ.นราธิวาส และกำลังจะขึ้นมา กทม.แล้ววางหูไป
ร.ต.อ.มานะกล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปอีกครั้ง นายปอกลับบอกว่าอยู่ จ.สมุทรปราการ ตนจึงนำกำลังไปค้นหาปรากฏว่าไม่เจอตัว ต่อมาได้สอบปากคำน้องสาว น.ส.บี ทราบว่า พี่สาวเคยเล่นไฮไฟว์กับเพื่อนชายที่ชื่อปอ ซึ่งตรงกับชื่อผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่พบในไฮไฟ จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายปอพักอาศัยอยู่ หลังห้างวันเดอร์ฯ ใกล้ตลาดบางแค จึงนำภาพถ่ายนายปอไปเดินถามประชาชนละแวกนั้น จนทราบว่านายปอพักอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจึงจับกุมตัวมาสอบสวน นอกจากนี้ตรวจพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วงอีกด้วย
สอบสวน นายปอรับสารภาพว่าหลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตนก็ออกมาช่วยแม่ขายขนมที่ตลาดบางแค ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับ น.ส.บี แนะนำให้รู้จัก จึงคบหาดูใจกันประมาณเกือบปี จากนั้นได้ขาดการติดต่อกัน 3-4 เดือน ต่อมาตนได้เล่นไฮไฟว์และได้พบ น.ส.บี จึงคุยกันผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ก่อนขอเบอร์โทรศัพท์และชักชวนมาที่บ้านตั้งแต่เย็นวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างนั้นได้ร่วมเพศกับผู้เสียหาย 3 ครั้ง โดยที่เต็มใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายจนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
“ก่อนหน้านี้ผมเคยถูกจับคดีขายซีดีเถื่อนมาแล้ว และเมื่อ 4 วันที่แล้ว ได้เสพยาไอซ์ด้วย อย่างไรก็ตามผมยอมรับว่าชอบพอกับ น.ส.บี จริง และหากพ่อแม่ของเขาให้แต่งงานกันก็ยินดี” นายปอกล่าว
ด้าน นางเอกล่าวว่า ตนมีลูกสาว 2 คน โดย น.ส.บี เป็นลูกคนโตและคนน้องเรียนอยู่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยในวันเกิดเหตุลูกสาวได้ขออนุญาตไปเล่นคอมพิวเตอร์ที่บ้านเพื่อน โดยอ้างว่าไปทำรายงาน ต่อมาเมื่อเวลา 4 โมงเย็นลูกสาวได้กลับมาที่บ้านและขอเงินยายจำนวน 100 บาท อ้างว่าจะไปซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน กระทั่ง 5 โมงเย็นตนได้โทร.หาลูกสาว ปรากฏว่ามีผู้ชายรับสาย อ้างว่าลูกสาวนำโทรศัพท์ไปจำนำไว้ นอกจากนี้ยังอ้างว่าเขาเป็นลูกนายทหาร พ่อคุมผับคุมบาร์อยู่ภาคใต้ และมีธุรกิจหลายอย่าง เมื่อตนถามว่าลูกสาวตนอยู่ไหน นายปออ้างว่าอยู่นราธิวาสบ้าง สงขลาและชุมพรบ้าง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดังกล่าว
“หลังเกิดเหตุนายปอไม่เคยมาขอโทษฉันเลย จะรักจะชอบกันก็ให้มาสู่ขอกันตามประเพณี ไม่ใช่มาทำกันอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ขอเตือนไปยังเด็กหญิงคนอื่นๆ ว่าจะเล่นไฮไฟว์นั้นไม่มีใครห้าม แต่ต้องดูให้ดีก่อนว่าเขาเป็นคนอย่างไร และหากจะตัดสินใจทำอะไร หรือจะไปกับใคร ให้มาบอก มาปรึกษาผู้ปกครองก่อน อย่าทำอะไรเพียงลำพังเพราะอาจทำให้พ่อแม่เสียใจได้” นางเอกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาต่อนายปอในข้อหาพาบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ไปจากผู้ปกครองเพื่อทำอนาจารแม้เด็กจะยินยอมหรือไม่ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ ดำเนินคดี ส่วนคดีพรากผู้เยาว์ ผู้ปกครอง น.ส.บีจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป