xs
xsm
sm
md
lg

“วิเชียร” ห่วงจิตใจพรรคการเมืองเรื่องโพล ย้ำ สันติบาลต้องเป็นกลางที่สุด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.
ตร.ยังไม่ชัดสันติบาลทำโพลเลือกตั้งหรือไม่ ชี้ต้องตรวจสอบเพิ่มข้อมูลที่สื่อนำเสนอบางส่วนไม่ตรงกับสันติบาลรายงาน ชี้ พรุ่งนี้รายงาน ผบ.ตร.ทราบได้ ขณะที่ “วิเชียร” ย้ำ ให้สันติบาลเป็นกลาง ไม่ควรจัดทำโพล อาจทำให้กระทบจิตใจพรรคการเมืองได้ ย้ำ สมุทรปราการยังอยู่ในข่ายเฝ้าระวังอย่างยิ่ง หากพื้นที่สามารถขจัดความรุนแรงในท้องที่ได้ ก็พร้อมปรับระดับให้ จี้ให้จับคนร้ายยิง “ประชา” พิสูจน์ความไม่รุนแรง

วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคอนเฟอเร้นซ์กับผู้บัญชาการภาคต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาความเรียบร้อยการเลือกตั้ง

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวถึงการสอบสวนเรื่องของโพลสันติบาล ที่ ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ ว่า ได้ทำเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเรื่องของการทำงานของตำรวจสันติบาลที่ทุกวันตำรวจสันติบาลจะนำเรื่องข้อเท็จจริง ความเคลื่อนไหวทั้งหมดในพื้นที่เป็นอย่างไร พื้นที่ไหนรุนแรง เพื่อจะได้วางแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ว่าจะทำงานอย่างไร อีกส่วนคือ ดูข้อมูลที่เสนอทางสื่อมีบางส่วนไม่ตรงกับทางที่สันติบาลรายงาน คือ เรื่องของการเปิดเผยว่าผู้สมัครคนไหนมีแนวโน้มว่าจะได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งทางสันติบาลขอเวลาไปตรวจสอบทั้งกับสื่อมวลชน และตำรวจผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงเรื่องที่มีการเผยแพร่ข่าวสารด้วย ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จวันนี้ โดยจะรายงานผบ.ตร.ได้พรุ่งนี้ ซึ่งกระบวนการสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติยังคงทำต่อไป เพื่อหาที่มาที่ไปของสันติบาลโพลว่าสันติบาลทำเรื่องนี้หรือไม่ ถ้ามีการทำได้เผยแพร่หรือไม่ ใครดำเนินการเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำบทบาทของตำรวจสันติบาลในเรื่องของความเป็นกลางให้ทำเฉพาะการประเมินพฤติการณ์ในพื้นที่ที่ส่อไปในทางที่รุนแรง การรวบรวมข้อมูลการแข่งขันในพื้นที่เท่านั้น ห้ามไม่ให้ทำว่าใครได้หรือไม่ได้ เพื่อยืนยันการวางตัวเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการรายงานข้อมูลว่าเขตนี้คะแนนทิ้งห่าง โดยทำให้น่าจะเชื่อว่าคนนี้ได้รับการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้มีการรวบรวมทั้งหมดของแต่ละเขตจนรู้ว่าใครแพ้ชนะในเขตนั้น ซึ่งตำรวจสันติบาลต้องวางตัวเป็นกลางมากที่สุด เพราะคนเคยรับรู้ว่าโพลสันติบาลถูกต้องแม่นยำเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ จึงไม่อยากให้เกิดกรณีนี้ออกไปเพราะจะทำให้เกิดความไม่สบายใจโดยเฉพาะพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสันติบาลเองก็ได้รายงานข้อเท็จจริงให้ที่ประชุมสันติบาลได้ประเมินผลเขตเฝ้าระวัง การแข่งขันหาเสียง กลุ่มมือปืนในพื้นที่รุนแรงเพียงเท่านั้น

ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เรื่องการทำลายป้ายหาเสียงที่ถูกทำลายโดยการรวบรวมข้อมูลทุก 5 วัน ปรากฏว่ามีแนวโน้มการทำลายป้ายหาเสียงลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการออกมาตรการป้องกันของเจ้าหน้าที่ และการประชาสัมพันธ์ สำหรับป้ายหาเสียงที่ถูกทำลาย 1,704 ป้าย เป็นคดี 42 คดี ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง ทั้งหมด 67 เขต ระวังระดับธรรมดา 58 เขต ระวังพิเศษ 8 เขต ระวังอย่างยิ่ง 1 เขต คือ สมุทรปราการเขต 7 รวมทั้งหมด 28 จังหวัด 67 เขต

สำหรับคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีทั้งหมดที่แจ้งความ 12 คดี โดยคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่ไม่ใช่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 65 คดี ซึ่ง ส.ส.ที่ขอกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยทั้งหมด 339 ราย จาก 11 พรรคการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ผบก.จว.สมุทรปราการ ออกมาปฏิเสธว่า จว.สมุทรปราการ ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่มีความรุนแรงอย่างที่ ศรส.ลต.ตร.ระบุ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังอย่างยิ่งคือเคยเกิดเหตุในช่วงการเลือกตั้งครั้งนี้และมีแนวโน้มว่าเหตุการณ์ยังไม่หมดไป ซึ่งยังถือว่าเป็นพื้นที่เฝ้าระวังวังอย่างยิ่งอยู่ ซึ่งเรื่องการกำหนดเขตพื้นที่เรามีการปรับเปลี่ยนทุกวันถ้าปัจจัยต่างๆหมดหรือเบาบางไปเราก็พร้อมจะปรับ

“อย่างที่ จ.ราชบุรี ทาง ผบช.ภ.7 ก็ยืนยันว่า ความรุนแรงได้เบาบางลงเราก็ปรับให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังระดับต่ำลงมา ซึ่งทางผบก.จว.สมุทราปราการต้องไปดำเนินการขจัดปัจจัยเหล่านี้ออกไป เช่นจับกุมคนร้ายที่ยิงนายประชา ประสพดีให้ได้ แล้วนำเสนอข้อมูลมายังภาค ภาคเสนอมายังศรส.ลต.ตร.ถ้าปัจจัยเสี่ยงลดลงก็พร้อมที่จะปรับให้ แต่พื้นที่จว.สมุทรปราการศูนย์บริหารเหตุการณ์ร้ายแรงยังเข้าไปดูแลเรื่องคดีอยู่” พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าว

พล.ต.อ.พงศพัศ ยังกล่าวถึงการกวาดล้างอาชญากรรมช่วงที่ 2 ซึ่งจับกุมอาวุธปืนได้ 1,485 แบ่งเป็นอาวุธปืนปากกา 51 กระบอก ปืนลูกซอง 206 กระบอก ปืนยาว ขนาด .22 จำนวน 268 กระบอก เอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอก อาก้า 3 กระบอก วัตถุระเบิด เอ็ม 26 จำนวน 6 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 7 ชุด ระเบิดปิงปอง 11 ลูก ซึ่งปืนปากกาส่วนใหญ่จับได้ในพื้นที่ภาค 7 ส่วนอาวุธสงครามจะได้บริเวณปริมณฑลโดยรอบกรุงเทพมหานคร ซึ่งถือว่าการกวาดล้างอาชญากรรมแต่ละครั้งสามารถจับกุมได้เป็นจำนวนมาก และทาง ผบ.ตร.จะให้รางวัลกับภาคที่สามารถกวาดล้างอาชญากรรมได้มากที่สุดอันดับ 1-3 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น