รวบแก๊งคุณมืดกลืนโคเคนลักขนยาไอซ์เข้าไทย

รวบ 2 หนุ่มผิวดำ ลักลอบขนโคเคนโดยกลืนลงท้องแล้วกินยาถ่ายออก นำไปขายลูกค้าในไทย ยึดของกลาง 27 ก้อน มูลค่า 1.35 ล้าน พร้อมตรวจค้นห้องพักพบยาไอซ์อีกกว่า 800 กรัม มูลค่า 2.4 ล้าน เผยผู้ต้องหาทั้งสองใช้พาสปอร์ตท่องเที่ยว อ้างมาซื้อเสื้อผ้ากลับบ้านเกิด แต่เจอประวัติผ่านเข้าออกลาว มาเลย์ กัมพูชาเป็นประจำ แต่มาไทยครั้งแรก

วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผกก.สน.หัวหมาก และชุดสืบวน สน.หัวหมาก แถลงการจับกุม นายไมเคิล อังกระ ชาวไนจีเรีย อายุ 36 ปี และนายเยโบ อีริค ชาวกานา อายุ 38 ปี พร้อมของกลางโคเคนบรรจุถุงพลาสติก รวมจำนวน 27 ก้อน มูลค่าประมาณ 1.35 ล้านบาท ยาไอซ์อีก 8 ถุง รวมน้ำหนัก 813.6 กรัม มูลค่าประมาณ 2.4 ล้านบาท ถุงอนามัย 70 ถุง เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล ยาถ่ายชนิดถ่ายเร็ว เงินสด 130,000 บาท และรถยนต์โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌล 1387 กทม.

พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า หลังชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติผิวดำลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ได้มาเช่าอาศัยบ้านเลขที่ 138/168 ซ.หัวหมาก 5 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงส่งกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์บ้านหลังดังกล่าว จนกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองขับรถยนต์ออกมาจึงขอทำการตรวจค้นพบโคเคน จำนวน 27 ก้อน และสืบสวนขยายผลไปตรวจค้นที่พักอีกแห่งที่โรงแรมโรแมนซ์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ซ.สุขุมวิท 97 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. ตรวจเจอยาไอซ์อีก 8 ถุง ทั้งนี้ยังพบถุงอนามัยจำนวนมากและยาถ่ายภายในห้องพัก ซึ่งเชื่อว่าชาวต่างชาติทั้ง 2 คนนี้ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาโดยการใส่ยาไว้ในถุงอนามัยและกลืนลงช่องท้องและกินยาถ่ายออกเพื่อนำมาขายต่อในไทย

พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า จากการสอบสวนคาดว่าชาวต่างชาติทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนร่วมขบวนการเดียวกัน โดยช่วยกันลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาขายในไทย โดยใช้หนังสือเดินทางท่องเที่ยว อ้างว่าจะมาซื้อเสื้อผ้ากลับไปขายในประเทศบ้านเกิด โดยจากการตรวจประวัติเดินทางพบว่าเดินทางเข้าออกในประเทศเพื่อนบ้านของไทยหลายประเทศทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และลาว แต่เพิ่งเข้ามายังไทยครั้งแรก อย่างไรก็ตาม จะตรวจเช็กประวัติกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) และยาเสพติดประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายต่อไป