ตำรวจสนธิกำลังทหารตามแผน “ยุทธการ 315” บุกจับสองสามีภรรยาพร้อมยาบ้า 278,000 เม็ด หลังขยายผลจับกุมผู้ต้องหาก่อนหน้านี้จนทราบว่าผู้ต้องหานำยามาซ่อนที่ห้องพักย่านลาดพร้าว เชื่อเป็นเครือข่ายทางภาคเหนือ ผู้ต้องสารภาพได้ค่าจ้าง 2 แสนให้เฝ้ายา
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รอง ผบก.น.4 และพ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 5 นาย เข้าตรวจค้นภายในห้องพักเลขที่ 707 อาคารนิวเพลส ซอยลาดพร้าว130 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ตามแผนยุทธการ 315 ในการปราบปรามยาเสพติด ภายหลังจากสืบทราบว่ามีผู้ต้องหามาเปิดห้องพักเพื่อใช้เป็นที่ซุกซ่อนและจำหน่ายยาบ้า
จากการตรวจค้นภายในห้องพัก พบนายมานิตย์ แซ่หว่าง หรือใจ ชนะภัย อายุ 35 ปี และน.ส.กวิตา คำหาญ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่10 ต.ค้อทอง อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี สองสามีภรรยา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 278,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่ถูกยัดเอาไว้ใต้เตียงนอน และยังพบเงินสดอีกจำนวน 28,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบพร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวน
พล.ต.ท.วรพงษ์เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากนโยบายของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ที่ให้เร่งปราบปรามยาเสพติดโดยขยายผลจากผู้เสพรายและผู้ค้ารายย่อยไปถึงผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ได้ทำการจับกุมตัวนายศรชัย แสงสว่าง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายย่อยมาได้ และสืบสวนขยายผลจนทราบว่านายศรชัยซื้อยาบ้ามาจากสองสามีภรรยาซึ่งเปิดห้องพักอยู่ในซอยลาดพร้าว 130 เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้ามาตรวจค้นทันที เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทางภาคเหนือซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อไปอีก
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวอีกว่า การจับกุมช่วงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าเป็นช่วงการเลือกตั้ง แต่เป็นการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งปราบปรามอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้สถิติการจับกุมก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สามารถจับกุมยาบ้าได้ครั้งละจำนวนมาก สำหรับผู้ต้องหาทั้ง2รายที่จับได้จะทำการแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดี พร้อมทั้งเร่งสืบสวนขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ต่อไป
จากการสอบสวนนายมานิตย์ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นผู้ช่วยไกด์อยู่ที่พัทยา ต่อมาได้รู้จักกับคนชื่อกุ่ยซึ่งเป็นชาวจีนฮ่อเหมือนกัน นายกุ่ยได้ชักชวนให้ค้ายาบ้า ตนได้รับว่าจ้างในราคา 2แสนบาท ให้เฝ้ายาบ้าและจำหน่ายยาให้ผู้ค้ารายย่อย ซึ่งตนมาเช่าห้องแห่งนี้ได้ 3-4 เดือนแล้ว ส่วนยาล็อตดังกล่าวเพิ่งจะเอามาได้ 2-3 สัปดาห์และปล่อยยาไปบ้างแล้วส่วนหนึ่ง โดยเจ้าของยาบ้า ตนทราบแต่เพียงว่าพักอยู่ที่ย่านลาดกระบัง ก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับที่ สภ.เชียงของ จ.เชียงราย ในคดียาเสพติด เมื่อพ้นโทษออกมาก็ยังเข้ามาพัวพันรับจ้างค้ายาเสพติดอยู่จนมาถูกจับอีกครั้ง