“สภาทนาย” พร้อมยื่นมือช่วยชาวบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะฟ้องร้องดำเนินคดี ชี้ กรณีเรือน้ำตาลล่มที่อยุธยาทำน้ำเสีย ปลาตาย ฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อมได้และสามารถเรียกค่าเสียหายในอนาคตได้
วันนี้ (3 มิ.ย.) ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีเรือบรรทุกน้ำตาลของบริษัท ไทยมารีน ซัพพลาย จำกัด ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา เป็นเหตุให้น้ำตาลทรายกว่า 7,000 ตันรั่วไหล สร้างความเสียหายแก่แหล่งน้ำธรรมชาติ และสัตว์น้ำ จนรัฐบาลประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ว่า อุบัติเหคุครั้งนี้ถือว่าเป็นคดีสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นกรณีเรือบรรทุกน้ำตาลเป็นผู้ก่อมลพิษลงในน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากในหลายจังหวัด ที่แม่น้ำไหลผ่าน ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และ สมุทรปราการ โดยความเสียหายเรื่องนี้จึงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนคดีอาญา ความผิดฐานกระทำโดยประมาท กับ ส่วนคดีแพ่ง แบ่งเป็นคดีละเมิด กับคดีสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยได้
โฆษกสภาทนายความ กล่าวว่า ในส่วนความผิดฐานประมาทต้องพิสูจน์ว่าเจ้าของเรือได้กระทำโดยประมาทหรือไม่ คือ มีการตรวจสอบความพร้อมของเรือ ซึ่งมีการควบคุมไม่ให้บรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ได้
“ส่วนคดีทางแพ่ง ต้องฟ้องร้องต่อศาลแพ่งแผนกคดีสิ่งแวดล้อม หรือศาลจังหวัดอยุธยา โดยหากฟ้องเป็นคดีละเมิดธรรมดา ภาระการพิสูจน์จะตกแก่ชาวบ้าน โดยจะต้องชี้ให้ศาลเห็นว่าเหตุที่น้ำเสีย ปลาตาย เกิดจากเรือน้ำตาลล่ม แต่หากฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อม ภาระการพิสูจน์จะตกแก่ฝ่ายเจ้าของเรือทันที โดยในคดีจะมีพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้เบิกความประกอบ และคดีสิ่งแวดล้อมสามารถเรียกค่าเสียหายในอนาคตได้ โดยสภาทนายพร้อมจะให้ความช่วยเหลือกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในการฟ้องร้องดำเนินคดี” โฆษกสภาทนายความ กล่าว