สองสามีภรรยาเข้าร้องทุกข์กับ “ผกก.น้ำดี” เหตุคดี “น้องโต้ง” ลูกชายวัย 14 ปี ถูกครูโรงเรียนดังขับกระบะพุ่งชน จยย.จนบาดเจ็บสาหัสกะโหลกยุบ เป็นเจ้าชายนิทรา ต้องสูญเสียค่ารักษาไปเกือบ 4 แสนแล้ว แถมคู่กรณีไม่เคยมาเหลียวแล ด้าน “พ.ต.ท.” เจ้าของคดี ยัน เคยเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกัน แต่ยังตกลงกันไม่ได้ จากนี้จะประสานขอใบชันสูตรบาดแผลผู้บาดเจ็บ ก่อนเรียกครูคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหา และจะนั่งกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้ง
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) นายรังสรรค์ นาคเพ็ชร์ อายุ 48 ปี กับ นางนิตยา นาคเพ็ชร์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/8 หมู่ 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค สองสามีภรรยาเดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ไมตรี ศิลปเสวี ผกก.ฝอ.บก.น.9 ว่า ด.ช.ศรัณย์ หรือ “น้องโต้ง” นาคเพ็ชร์ อายุ 14 ปี ลูกชายและเป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนอำนวยศิลป์ ถูกคู่กรณีขับรถกระบะชนจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา มานาน 3 เดือน โดยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หนองแขม แล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นางนิตยา กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า ว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายตนขับขี่รถ จยย.ยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ลขบ 315 กทม.ออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุระ แต่เมื่อขับขี่ผ่านแยกบ้านขิง ถนนบางบอน 3 แขวงและเขตหนองแขม ก็ถูก น.ส.ชลธิชา พวงสีเคน อายุประมาณ 30 ปี ปัจจุบันเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา ขับรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีดำ หมายทะเบียน ถย 9664 กทม.วิ่งช่องทางขวาสุดผ่านทางร่วมทางแยกมาด้วยความเร็วสูงก่อนพุ่งชนรถของลูกชาย จนลูกชาย และรถ จยย.กระเด็นข้ามถนนไปอีกฝั่ง โดยลูกชายอาการสาหัสถึงขั้นกะโหลกยุบ 2 ข้าง ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พุทธมณฑลสาย 3 จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่จนถึงทุกวันนี้
นางนิตยา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อุทัย สีคช พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.หนองแขม แล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ส่วนฝั่งคู่กรณีก็ไม่เคยมาเหลียวแลลูกชายตนเลย ซึ่งไม่เคยไปเยี่ยมแม้แต่หนเดียว อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลตอนนี้พุ่งไปเกือบ 400,000 บาทแล้ว โดยขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณี ซึ่งมีอาชีพเป็นถึงครูเป็นถึงอาจารย์ได้ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ บก.น.9 เพื่อให้ติดตามความคืบหน้าคดีนี้ให้กับลูกชายตนด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ไมตรี กล่าวว่า หลังจากนี้ จะเรียกพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเข้ามาพบ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไปตามกฎหมาย โดยวันนี้จะรับเรื่องร้องทุกข์เอาไว้ก่อน และจะนำเสนอ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.น.9 เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.อุทัย พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังรับแจ้งความแล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งเคยเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตกลงกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตัวเองถูก จึงให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปสงบสติอารมณ์ ซึ่งหลังจากนี้ จะประสานไปยังแพทย์โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ที่รับตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาเป็นแห่งแรกให้เร่งออกใบรายงานการชันสูตรบาดแผล ก่อนจะเรียก น.ส.ชลธิชา มารับทราบข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงจะเรียกผู้เสียหายกับผู้ต้องหามาไกล่เกลี่ยต่อไป
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) นายรังสรรค์ นาคเพ็ชร์ อายุ 48 ปี กับ นางนิตยา นาคเพ็ชร์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/8 หมู่ 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค สองสามีภรรยาเดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ไมตรี ศิลปเสวี ผกก.ฝอ.บก.น.9 ว่า ด.ช.ศรัณย์ หรือ “น้องโต้ง” นาคเพ็ชร์ อายุ 14 ปี ลูกชายและเป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนอำนวยศิลป์ ถูกคู่กรณีขับรถกระบะชนจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา มานาน 3 เดือน โดยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หนองแขม แล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นางนิตยา กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า ว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายตนขับขี่รถ จยย.ยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ลขบ 315 กทม.ออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุระ แต่เมื่อขับขี่ผ่านแยกบ้านขิง ถนนบางบอน 3 แขวงและเขตหนองแขม ก็ถูก น.ส.ชลธิชา พวงสีเคน อายุประมาณ 30 ปี ปัจจุบันเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา ขับรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีดำ หมายทะเบียน ถย 9664 กทม.วิ่งช่องทางขวาสุดผ่านทางร่วมทางแยกมาด้วยความเร็วสูงก่อนพุ่งชนรถของลูกชาย จนลูกชาย และรถ จยย.กระเด็นข้ามถนนไปอีกฝั่ง โดยลูกชายอาการสาหัสถึงขั้นกะโหลกยุบ 2 ข้าง ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พุทธมณฑลสาย 3 จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่จนถึงทุกวันนี้
นางนิตยา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อุทัย สีคช พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.หนองแขม แล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ส่วนฝั่งคู่กรณีก็ไม่เคยมาเหลียวแลลูกชายตนเลย ซึ่งไม่เคยไปเยี่ยมแม้แต่หนเดียว อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลตอนนี้พุ่งไปเกือบ 400,000 บาทแล้ว โดยขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณี ซึ่งมีอาชีพเป็นถึงครูเป็นถึงอาจารย์ได้ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ บก.น.9 เพื่อให้ติดตามความคืบหน้าคดีนี้ให้กับลูกชายตนด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ไมตรี กล่าวว่า หลังจากนี้ จะเรียกพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเข้ามาพบ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไปตามกฎหมาย โดยวันนี้จะรับเรื่องร้องทุกข์เอาไว้ก่อน และจะนำเสนอ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.น.9 เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.อุทัย พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังรับแจ้งความแล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งเคยเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตกลงกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตัวเองถูก จึงให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปสงบสติอารมณ์ ซึ่งหลังจากนี้ จะประสานไปยังแพทย์โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ที่รับตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาเป็นแห่งแรกให้เร่งออกใบรายงานการชันสูตรบาดแผล ก่อนจะเรียก น.ส.ชลธิชา มารับทราบข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงจะเรียกผู้เสียหายกับผู้ต้องหามาไกล่เกลี่ยต่อไป