แท็กซี่พลเมืองดีแจ้ง สวพ.91 พร้อมพาคนลักน้อง “ไตเติ้ล” นำเด็กมาส่งคืนคุณแม่ยังสาว เผยลักพาเด็ก เพราะอยากได้ลูกไปเลี้ยง เนื่องจากแต่งงานแล้วมีลูกยาก
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.40 น. น.ส.ณัญชญา ศรีวังพล ผู้ดำเนินรายการสถานีวิทยุ สวพ.91 ได้รับการประสานจากนายสมเกียรติ ภารกิจ อายุ 44 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่สีชมพูคาดเขียว ของสหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร จำกัด หมายเลขทะเบียน ทศ-762 กทม. ว่า จะนำตัว ด.ช.ธนภัทร เพียะผาบ หรือน้องไตเติ้ล วัย 3 เดือน เด็กที่ถูกลักพาตัวไปจาก น.ส.วรรณวิสา หรือกบ แสนพันธ์ อายุ 17 ปี ที่โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) มาส่งคืนให้ที่สถานีวิทยุสวพ.91 พร้อมกับตัวผู้ต้องหาที่ลักพาตัวเด็กไป
ต่อมาเวลา 08.45 น. นายสมเกียรติได้พาน้องไตเติ้ล พร้อมกับนางสุลีภรณ์ หรือกุ้ง ราชวงค์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ลักพาน้องไตเติ้ลไป และนางสมหมาย เพชรพลอย อายุ 35 ปี พี่สาวของน.ส.สุลีภรณ์ มาถึงสถานีวิทยุฯ ทาง น.ส.ณัญชญา จึงเชิญนางสุลีภรณ์เข้าไปสอบถามถึงห้องออกอากาศ โดยตลอดเวลานางสุลีภรณ์ มีอาการเคร่งเครียดและไม่ค่อยยอมพูดคุยกับใคร แต่ในเบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นคนลักพาน้องไตเติ้ลไปจากน.ส.วรรณวิสา จริง
น.ส.ณัญชญา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่กำลังจัดรายการอยู่นั้น นายสมเกียรติ โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดีได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าจะพาน้องไตเติ้ลที่ถูกลักพาตัวไปจากโรงพยาบาลราชวิถีตามที่เป็นข่าวมาคืนให้ที่บ้านสวพ.91 ซึ่งตอนแรกตนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เนื่องจากตนมั่นใจในตัวของนายสมเกียรติ ที่เป็นแท็กซี่จิตอาสาของสวพ.91 อยู่แล้ว แต่เกรงว่าเด็กที่จะนำมานั้นอาจไม่ใช่น้องไตเติ้ล จึงรอให้นายสมเกียรตินำเด็กมาให้ถึงสถานีวิทยุก่อน จากนั้นได้ประสานผู้ที่เกี่ยวข้องให้ ซึ่งเมื่อเด็กมาถึงและตรวจสอบจนแน่ใจว่าใช่น้องไตเติ้ลจริง จึงรีบประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดต่อ น.ส.วรรณวิสา แม่ของเด็กมารับตัวน้องไตเติ้ลคืน และประสานให้ทางโรงพยาบาลราชวิถีส่งพยาบาลและของใช้เด็กอ่อนที่จำเป็น เช่น นม เสื้อผ้า และผ้าอ้อมสำเร็จรูปมาด้วย
น.ส.ณัญชญา กล่าวต่อว่า จากการสอบถามนางสุลีภรณ์ คนที่ลักพาตัวน้องไตเติ้ลไปนั้น จึงทำให้ทราบข้อมูลว่า เจ้าตัวมีอาชีพเป็นช่างวาดภาพเหมือน เป็นคนที่มีนิสัยรักและชอบเลี้ยงเด็ก นางสุลีภรณ์เองอยากมีลูกแต่มีไม่ได้ เลยต้องทำให้ไปลักตัวเด็กเพื่อเอาไปเลี้ยงดู ซึ่งหลังจากที่ลักตัวน้องไตเติ้ลไปแล้วนั้น นางสุลีภรณ์ได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ซื้อนมให้กิน นอนกอดน้องทั้งคืน และน้องไตเติ้ลก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย จนวันนี้นางสุลีภรณ์ตั้งใจจะไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับน้องไตเติ้ล แต่เกิดสำนึกผิดขึ้นมาก่อนเลยยอมเอาเด็กมาคืนให้
ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ขับแท็กซี่ไปส่งผู้โดยสารที่ห้างโลตัส เตาปูน จากนั้นได้ขับผ่านสวนหย่อม สถานีรถไฟบางซื่อ โดยนางสมหมายกับนางสุลีภรณ์ได้โบกเรียกรถแท็กซี่ตนจึงขับเข้าไปรับ ซึ่งทั้งสองบอกให้พาไปส่งที่ สน.พญาไท โดยระหว่างทาง ตนก็ถามว่าจะไปทำอะไรที่ สน.พญาไท นางสมหมาย ก็ถามตนว่า ได้ดูข่าวการลักพาตัวเด็กมาจากโรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวานนี้(30 พ.ค.) หรือไม่
นายสมเกีรยติ กล่าวต่อว่า ตนตอบกลับไปว่าได้ดู ซึ่งนางสมหมายจึงบอกว่า นางสุลีภรณ์ผู้เป็นน้องสาว คือผู้หญิงคนที่ลักเด็กออกมาตามข่าว ซึ่งตอนนั้นตนเห็นว่า นางสุลีภรณ์มีอาการเครียด ไม่คุยกับใคร ได้แต่อุ้มเด็กไว้ในอ้อมอก ตนจึงแนะนำว่าให้เอาเด็กไปคืนที่สถานีวิทยุสวพ.91 พร้อมทั้งให้ทางสถานีวิทยุนั้นช่วยเป็นสื่อกลางในการประสาน เพื่อที่จะได้ลดความเครียดของนางสุลีภรณ์ลง ซึ่งเมื่อทั้งสองตกลง ตนได้รีบโทรติดต่อทางสถานีวิทยุ สวพ. 91 พร้อมทั้งพาไปที่สถานีทันที
ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พญาไท ได้เดินทางมาสอบปากคำ น.ส.สุลีภรณ์ ผู้ต้องหา เป็นเวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น น.ส.วรรณวิสา แม่ของน้องไตเติ้ล พร้อมกับญาตินับสิบคน ก็เดินทางมาถึงที่สถานีวิทยุสวพ. 91 ซึ่งเมื่อ น.ส.วรรณวิสา ผู้เป็นแม่ พร้อมญาติ พบหน้าน้องไตเติ้ลก็โผเข้ากอดร่ำไห้ด้วยความดีใจ
น.ส.วรรณวิสา กล่าวว่า เมื่อคืนตนกับนายวิทวัส เพียะผาบ อายุ 19 ปี สามี พร้อมญาติๆได้ไปรวมตัวกันที่บ้านย่าน้องไตเติ้ลที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อรอฟังข่าว โดยที่ไม่มีใครนอนหลับได้เลย เนื่องจากกระวนกระวายอยากได้น้องไตเติ้ลคืน ซึ่งตนก็สวดมนต์ไหว้พระขอให้ได้ลูกคืน จนกระทั่งช่วงเช้าได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า นางสุลีภรณ์เอาลูกมาคืนให้ ตนรู้สึกดีใจมาก จึงรีบพาญาติเดินทางมารับตัวน้องไตเติ้ลทันที
น.ส.วรรณวิสา กล่าวด้วยว่า ตนไม่โกรธนางสุลีภรณ์ แต่กลับรู้สึกสงสารและอโหสิกรรมให้ ขอเพียงให้เอาลูกมาคืน แต่หลังจากนี้ขออย่าให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก ส่วนเรื่องทางคดีนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
หลังจากที่ น.ส.วรรณวิสา กล่าวอโหสิกรรมให้แล้วนั้น นางสุลีภรณ์ก็ร้องไห้โผเข้ากอด น.ส.วรรณวิสา พร้อมกับก้มลงกราบเท้าขออโหสิกรรมจากญาติของน.ส.วรรณวิสา ด้วยความสำนึกผิด โดยฝ่ายญาติของ น.ส.วรรณวิสา ได้ยกโทษให้ หลังจากนั้น แพทย์หญิงวารุณี จินารัตน์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเดินทางมารับตัวน้องไตเติ้ลด้วยตนเองได้พาตัวน้องไตเติ้ลไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชวิถีทันที พร้อมเปิดเผยเบื้องต้นว่าน้องไตเติ้ลยังอยู่ในอาการแข็งแรงดี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางสุลีภรณ์ไปสอบปากคำและดำเนินคดีที่สน.พญาไท
จากการสอบสวนนางสมหมาย พี่สาวของนางสุลีภรณ์ ให้การว่า เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ตนเห็นข่าวเด็กถูกลักพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลราชวิถี ก็สังเกตเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้นั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับนางสุลีภรณ์น้องสาวตน จึงลองโทรศัพท์ไปถามแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนช่วงเช้าวันนี้ น้องสาวโทรกลับมาร้องไห้กับตน แต่ไม่ยอมบอกว่าเสียใจเรื่องอะไร ตนจึงนัดให้น้องสาวออกมาพบที่สวนหย่อมสถานีรถไฟบางซื่อ เพราะเอะใจว่าน้องสาวตนต้องเป็นคนไปลักพาตัวเด็กมาแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นน้องสาวตนได้อุ้มน้องไตเติ้ลมาด้วย พร้อมทั้งยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลักเด็กมา ตนจึงเกลี้ยกล่อมให้เอาเด็กไปคืนดังกล่าว
ด้านนางสุลีภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนประกอบอาชีพเป็นช่างวาดภาพเหมือน และได้แต่งงานอยู่กินกับสามีที่แฟลตแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น มาได้ 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาสามีไม่เคยกดดันเรื่องการมีลูก แต่ตนเป็นคนรักเด็ก อยากมีลูกมาก เมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว ตนได้เคยนำเอกสารไปยื่นที่บ้านราชวิถี เพื่อขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่คุณสมบัติไม่ผ่าน เพราะฐานะหน้าที่การงานไม่มั่งคง อีกทั้งในวันดังกล่าว มีชาวต่างชาติไปขอเด็กมาเลี้ยงเหมือนตน แต่ฝ่ายนั้นได้เด็กกลับไปเลี้ยง เลยทำให้ตนรู้สึกน้อยใจ
นางสุลีภรณ์ ให้การอีกว่า เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ตนได้ไปช่วยเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลราชวิถี ในฐานะอาสาสมัครกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับการให้น้ำนมเด็ก ก็พบ น.ส.วรรณวิสา เดินอุ้มน้องไตเติ้ลมา โดยที่ใบหน้าของน้องไตเติ้ลซุกอยู่กับไหล่ของแม่เด็ก ซึ่งตนเห็นว่าอุ้มเด็กผิด เกรงว่าเด็กจะหายใจไม่ออก จึงเข้าไปขออาสาช่วยอุ้มน้องไตเติ้ลให้ แต่พออุ้มไปอุ้มมาก็รู้สึกผูกพันเพราะน้องไตเติ้ลน่ารัก ไม่ร้อง ไม่ซน จึงอยากเลี้ยงไว้เป็นลูกเสียเอง
นางสุลีภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนอาศัยจังหวะที่ น.ส.วรรณวิสา เผลอ รีบอุ้มน้องไตเติ้ลออกมาขึ้นแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล จากนั้นได้พาไปที่แฟลตย่านประชาชื่น พร้อมทั้งซื้อนมให้กิน และตั้งใจว่าจะซื้อชุดใหม่ให้ใส่ แต่พอเห็นข่าว น.ส.วรรณวิสา ร้องไห้ตามหาลูกก็เกิดความสงสารและสำนึกผิดจึงอยากเอาเด็กมาคืนให้ พร้อมกับขอโทษ น.ส.วรรณวิสา ด้วยที่ลักลูกชายมา
ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองเด็ก หรือผู้ดูแล ตามความผิดป.อาญามาตรา 317 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่า ไม่ได้เป็นแก๊งลักเด็กหรือขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบและเมื่อสำนึกผิดก็เอาเด็กมาคืน จึงถือเป็นเรื่องที่ดี และอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษให้กับผู้ต้องหาได้ต่อไป
ต่อมา น.ส.ผ่องใส ศรีวังพล ผู้จัดการสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ. 91 นำหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 30,000 บาท มายื่นขอประกันตัวน.ส.สุลีภรณ์ ที่ สน.พญาไท พร้อมเปิดเผยว่า การที่ตนได้นำเงินมายื่นขอประกันตัวนางสุลีภรณ์นั้น ไม่ได้เป็นการสนับสนุนผู้ที่กระทำผิด แต่ทาง สวพ.91 สนับสนุนผู้กระทำผิดที่กลับตัวกลับใจ ซึ่งตัวนางสุลีภรณ์ ได้ประสานให้ สวพ.91 ช่วยเป็นสื่อกลางในการส่งคืนเด็กให้กับแม่ จึงเห็นว่าเป็นพลเมืองดีที่สำนึกผิดแล้วยอมกลับตัวกลับใจ จึงนำเงินมาช่วยประกันตัวดังกล่าว เพื่อต่อสู้คดีต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.ผ่องใส มีเมตตานำเงินมาขอประกันตัวผู้ต้องหานั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ประกันตัวนางสุลีภรณ์แล้ว โดยไม่มีเงื่อนไขแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดไว้ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำนางสุลีภรณ์เพิ่มเติมก่อนปล่อยตัวกลับไป จากนั้นจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะสามารถนำสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหาส่งอัยการดำเนินคดีต่อไป
แม่วัยรุ่นร้องหญิงใจบาป ลักลูกชายวัย 3 เดือนหายต่อหน้า!
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.40 น. น.ส.ณัญชญา ศรีวังพล ผู้ดำเนินรายการสถานีวิทยุ สวพ.91 ได้รับการประสานจากนายสมเกียรติ ภารกิจ อายุ 44 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่สีชมพูคาดเขียว ของสหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร จำกัด หมายเลขทะเบียน ทศ-762 กทม. ว่า จะนำตัว ด.ช.ธนภัทร เพียะผาบ หรือน้องไตเติ้ล วัย 3 เดือน เด็กที่ถูกลักพาตัวไปจาก น.ส.วรรณวิสา หรือกบ แสนพันธ์ อายุ 17 ปี ที่โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) มาส่งคืนให้ที่สถานีวิทยุสวพ.91 พร้อมกับตัวผู้ต้องหาที่ลักพาตัวเด็กไป
ต่อมาเวลา 08.45 น. นายสมเกียรติได้พาน้องไตเติ้ล พร้อมกับนางสุลีภรณ์ หรือกุ้ง ราชวงค์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ลักพาน้องไตเติ้ลไป และนางสมหมาย เพชรพลอย อายุ 35 ปี พี่สาวของน.ส.สุลีภรณ์ มาถึงสถานีวิทยุฯ ทาง น.ส.ณัญชญา จึงเชิญนางสุลีภรณ์เข้าไปสอบถามถึงห้องออกอากาศ โดยตลอดเวลานางสุลีภรณ์ มีอาการเคร่งเครียดและไม่ค่อยยอมพูดคุยกับใคร แต่ในเบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นคนลักพาน้องไตเติ้ลไปจากน.ส.วรรณวิสา จริง
น.ส.ณัญชญา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่กำลังจัดรายการอยู่นั้น นายสมเกียรติ โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดีได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าจะพาน้องไตเติ้ลที่ถูกลักพาตัวไปจากโรงพยาบาลราชวิถีตามที่เป็นข่าวมาคืนให้ที่บ้านสวพ.91 ซึ่งตอนแรกตนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เนื่องจากตนมั่นใจในตัวของนายสมเกียรติ ที่เป็นแท็กซี่จิตอาสาของสวพ.91 อยู่แล้ว แต่เกรงว่าเด็กที่จะนำมานั้นอาจไม่ใช่น้องไตเติ้ล จึงรอให้นายสมเกียรตินำเด็กมาให้ถึงสถานีวิทยุก่อน จากนั้นได้ประสานผู้ที่เกี่ยวข้องให้ ซึ่งเมื่อเด็กมาถึงและตรวจสอบจนแน่ใจว่าใช่น้องไตเติ้ลจริง จึงรีบประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดต่อ น.ส.วรรณวิสา แม่ของเด็กมารับตัวน้องไตเติ้ลคืน และประสานให้ทางโรงพยาบาลราชวิถีส่งพยาบาลและของใช้เด็กอ่อนที่จำเป็น เช่น นม เสื้อผ้า และผ้าอ้อมสำเร็จรูปมาด้วย
น.ส.ณัญชญา กล่าวต่อว่า จากการสอบถามนางสุลีภรณ์ คนที่ลักพาตัวน้องไตเติ้ลไปนั้น จึงทำให้ทราบข้อมูลว่า เจ้าตัวมีอาชีพเป็นช่างวาดภาพเหมือน เป็นคนที่มีนิสัยรักและชอบเลี้ยงเด็ก นางสุลีภรณ์เองอยากมีลูกแต่มีไม่ได้ เลยต้องทำให้ไปลักตัวเด็กเพื่อเอาไปเลี้ยงดู ซึ่งหลังจากที่ลักตัวน้องไตเติ้ลไปแล้วนั้น นางสุลีภรณ์ได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ซื้อนมให้กิน นอนกอดน้องทั้งคืน และน้องไตเติ้ลก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย จนวันนี้นางสุลีภรณ์ตั้งใจจะไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับน้องไตเติ้ล แต่เกิดสำนึกผิดขึ้นมาก่อนเลยยอมเอาเด็กมาคืนให้
ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ขับแท็กซี่ไปส่งผู้โดยสารที่ห้างโลตัส เตาปูน จากนั้นได้ขับผ่านสวนหย่อม สถานีรถไฟบางซื่อ โดยนางสมหมายกับนางสุลีภรณ์ได้โบกเรียกรถแท็กซี่ตนจึงขับเข้าไปรับ ซึ่งทั้งสองบอกให้พาไปส่งที่ สน.พญาไท โดยระหว่างทาง ตนก็ถามว่าจะไปทำอะไรที่ สน.พญาไท นางสมหมาย ก็ถามตนว่า ได้ดูข่าวการลักพาตัวเด็กมาจากโรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวานนี้(30 พ.ค.) หรือไม่
นายสมเกีรยติ กล่าวต่อว่า ตนตอบกลับไปว่าได้ดู ซึ่งนางสมหมายจึงบอกว่า นางสุลีภรณ์ผู้เป็นน้องสาว คือผู้หญิงคนที่ลักเด็กออกมาตามข่าว ซึ่งตอนนั้นตนเห็นว่า นางสุลีภรณ์มีอาการเครียด ไม่คุยกับใคร ได้แต่อุ้มเด็กไว้ในอ้อมอก ตนจึงแนะนำว่าให้เอาเด็กไปคืนที่สถานีวิทยุสวพ.91 พร้อมทั้งให้ทางสถานีวิทยุนั้นช่วยเป็นสื่อกลางในการประสาน เพื่อที่จะได้ลดความเครียดของนางสุลีภรณ์ลง ซึ่งเมื่อทั้งสองตกลง ตนได้รีบโทรติดต่อทางสถานีวิทยุ สวพ. 91 พร้อมทั้งพาไปที่สถานีทันที
ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พญาไท ได้เดินทางมาสอบปากคำ น.ส.สุลีภรณ์ ผู้ต้องหา เป็นเวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น น.ส.วรรณวิสา แม่ของน้องไตเติ้ล พร้อมกับญาตินับสิบคน ก็เดินทางมาถึงที่สถานีวิทยุสวพ. 91 ซึ่งเมื่อ น.ส.วรรณวิสา ผู้เป็นแม่ พร้อมญาติ พบหน้าน้องไตเติ้ลก็โผเข้ากอดร่ำไห้ด้วยความดีใจ
น.ส.วรรณวิสา กล่าวว่า เมื่อคืนตนกับนายวิทวัส เพียะผาบ อายุ 19 ปี สามี พร้อมญาติๆได้ไปรวมตัวกันที่บ้านย่าน้องไตเติ้ลที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อรอฟังข่าว โดยที่ไม่มีใครนอนหลับได้เลย เนื่องจากกระวนกระวายอยากได้น้องไตเติ้ลคืน ซึ่งตนก็สวดมนต์ไหว้พระขอให้ได้ลูกคืน จนกระทั่งช่วงเช้าได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า นางสุลีภรณ์เอาลูกมาคืนให้ ตนรู้สึกดีใจมาก จึงรีบพาญาติเดินทางมารับตัวน้องไตเติ้ลทันที
น.ส.วรรณวิสา กล่าวด้วยว่า ตนไม่โกรธนางสุลีภรณ์ แต่กลับรู้สึกสงสารและอโหสิกรรมให้ ขอเพียงให้เอาลูกมาคืน แต่หลังจากนี้ขออย่าให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก ส่วนเรื่องทางคดีนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
หลังจากที่ น.ส.วรรณวิสา กล่าวอโหสิกรรมให้แล้วนั้น นางสุลีภรณ์ก็ร้องไห้โผเข้ากอด น.ส.วรรณวิสา พร้อมกับก้มลงกราบเท้าขออโหสิกรรมจากญาติของน.ส.วรรณวิสา ด้วยความสำนึกผิด โดยฝ่ายญาติของ น.ส.วรรณวิสา ได้ยกโทษให้ หลังจากนั้น แพทย์หญิงวารุณี จินารัตน์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเดินทางมารับตัวน้องไตเติ้ลด้วยตนเองได้พาตัวน้องไตเติ้ลไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชวิถีทันที พร้อมเปิดเผยเบื้องต้นว่าน้องไตเติ้ลยังอยู่ในอาการแข็งแรงดี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางสุลีภรณ์ไปสอบปากคำและดำเนินคดีที่สน.พญาไท
จากการสอบสวนนางสมหมาย พี่สาวของนางสุลีภรณ์ ให้การว่า เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ตนเห็นข่าวเด็กถูกลักพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลราชวิถี ก็สังเกตเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้นั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับนางสุลีภรณ์น้องสาวตน จึงลองโทรศัพท์ไปถามแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนช่วงเช้าวันนี้ น้องสาวโทรกลับมาร้องไห้กับตน แต่ไม่ยอมบอกว่าเสียใจเรื่องอะไร ตนจึงนัดให้น้องสาวออกมาพบที่สวนหย่อมสถานีรถไฟบางซื่อ เพราะเอะใจว่าน้องสาวตนต้องเป็นคนไปลักพาตัวเด็กมาแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นน้องสาวตนได้อุ้มน้องไตเติ้ลมาด้วย พร้อมทั้งยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลักเด็กมา ตนจึงเกลี้ยกล่อมให้เอาเด็กไปคืนดังกล่าว
ด้านนางสุลีภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนประกอบอาชีพเป็นช่างวาดภาพเหมือน และได้แต่งงานอยู่กินกับสามีที่แฟลตแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น มาได้ 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาสามีไม่เคยกดดันเรื่องการมีลูก แต่ตนเป็นคนรักเด็ก อยากมีลูกมาก เมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว ตนได้เคยนำเอกสารไปยื่นที่บ้านราชวิถี เพื่อขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่คุณสมบัติไม่ผ่าน เพราะฐานะหน้าที่การงานไม่มั่งคง อีกทั้งในวันดังกล่าว มีชาวต่างชาติไปขอเด็กมาเลี้ยงเหมือนตน แต่ฝ่ายนั้นได้เด็กกลับไปเลี้ยง เลยทำให้ตนรู้สึกน้อยใจ
นางสุลีภรณ์ ให้การอีกว่า เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ตนได้ไปช่วยเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลราชวิถี ในฐานะอาสาสมัครกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับการให้น้ำนมเด็ก ก็พบ น.ส.วรรณวิสา เดินอุ้มน้องไตเติ้ลมา โดยที่ใบหน้าของน้องไตเติ้ลซุกอยู่กับไหล่ของแม่เด็ก ซึ่งตนเห็นว่าอุ้มเด็กผิด เกรงว่าเด็กจะหายใจไม่ออก จึงเข้าไปขออาสาช่วยอุ้มน้องไตเติ้ลให้ แต่พออุ้มไปอุ้มมาก็รู้สึกผูกพันเพราะน้องไตเติ้ลน่ารัก ไม่ร้อง ไม่ซน จึงอยากเลี้ยงไว้เป็นลูกเสียเอง
นางสุลีภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนอาศัยจังหวะที่ น.ส.วรรณวิสา เผลอ รีบอุ้มน้องไตเติ้ลออกมาขึ้นแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล จากนั้นได้พาไปที่แฟลตย่านประชาชื่น พร้อมทั้งซื้อนมให้กิน และตั้งใจว่าจะซื้อชุดใหม่ให้ใส่ แต่พอเห็นข่าว น.ส.วรรณวิสา ร้องไห้ตามหาลูกก็เกิดความสงสารและสำนึกผิดจึงอยากเอาเด็กมาคืนให้ พร้อมกับขอโทษ น.ส.วรรณวิสา ด้วยที่ลักลูกชายมา
ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองเด็ก หรือผู้ดูแล ตามความผิดป.อาญามาตรา 317 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่า ไม่ได้เป็นแก๊งลักเด็กหรือขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบและเมื่อสำนึกผิดก็เอาเด็กมาคืน จึงถือเป็นเรื่องที่ดี และอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษให้กับผู้ต้องหาได้ต่อไป
ต่อมา น.ส.ผ่องใส ศรีวังพล ผู้จัดการสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ. 91 นำหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 30,000 บาท มายื่นขอประกันตัวน.ส.สุลีภรณ์ ที่ สน.พญาไท พร้อมเปิดเผยว่า การที่ตนได้นำเงินมายื่นขอประกันตัวนางสุลีภรณ์นั้น ไม่ได้เป็นการสนับสนุนผู้ที่กระทำผิด แต่ทาง สวพ.91 สนับสนุนผู้กระทำผิดที่กลับตัวกลับใจ ซึ่งตัวนางสุลีภรณ์ ได้ประสานให้ สวพ.91 ช่วยเป็นสื่อกลางในการส่งคืนเด็กให้กับแม่ จึงเห็นว่าเป็นพลเมืองดีที่สำนึกผิดแล้วยอมกลับตัวกลับใจ จึงนำเงินมาช่วยประกันตัวดังกล่าว เพื่อต่อสู้คดีต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.ผ่องใส มีเมตตานำเงินมาขอประกันตัวผู้ต้องหานั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ประกันตัวนางสุลีภรณ์แล้ว โดยไม่มีเงื่อนไขแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดไว้ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำนางสุลีภรณ์เพิ่มเติมก่อนปล่อยตัวกลับไป จากนั้นจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะสามารถนำสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหาส่งอัยการดำเนินคดีต่อไป
แม่วัยรุ่นร้องหญิงใจบาป ลักลูกชายวัย 3 เดือนหายต่อหน้า!