“พงศพัศ” เผย 10 จังหวัดสนามแข่งขันเลือกตั้งรุนแรง “ชลบุรี-โคราช” เป็นจังหวัดใช้ความรุนแรงต่อสู้กันมากที่สุด พร้อมส่งกำลังตำรวจดูแลผู้สมัครเพิ่มทั้ง 10 จังหวัด พบทำลายป้ายหาเสียงกันแล้ว 8 จังหวัด มั่นใจการประกาศจับมือปืนกวาดล้างอาชญากรรมเป็นการป้องกันเลือกตั้งดุเดือด เตรียมประกาศบัญชีมือปืนที่ตำรวจต้องการตัวเพิ่มอีก 70 ราย พรุ่งนี้
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะที่รับผิดชอบกำกับดูแล ศรส.ลต.ตร.เป็นประธานการประชุม ศรส.ลต.ตร.เพื่อประเมินสถานการณ์ในการเลือกตั้ง โดยใช้เวลาประชุมร่วม 1 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า หลังจากการรับสมัครผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตไปแล้ว ซึ่ง ศรส.ลต.ตร.ได้ติดตามข้อมูล ทั้งข้อมูลพื้นที่ และผู้ลงสมัครแข่งขัน เพื่อนำข้อมูลมาประมวลกับข้อมูลเดิมตามที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ให้ทุกพื้นที่หาข่าวประเมินสถานการณ์ไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่ามี 10 จังหวัด ที่พบข้อมูลการแข่งขันค่อนข้างสูง มีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง ประกอบด้วย ย่านชานเมืองในกรุงเทพฯ จ.ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี สมุทรปราการ และ อุบลราชธานี แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องความรุนแรงนัก โดย ศรส.ลต.ตร.ต้องจับตาสถานการณ์ และส่งกำลังตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามเข้าไปเสริมท้องที่
สำหรับการดำเนินการรักษาความเรียบร้อยในการเลือกตั้งใน 10 จังหวัดที่มีแนวโน้มความรุนแรงดังกล่าว พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่ได้มาหลังทราบตัวผู้สมัคร ส.ส.ซึ่งยังตรงกับข้อมูลก่อนทราบตัวผู้สมัคร โดยได้มาจากการประเมิน 2 ส่วน คือการแข่งขัน ซึ่งหลายพื้นที่มีการช่วงชิงคะแนน ต้องการรักษาฐานเสียงระหว่างพรรคคู่แข่ง ซึ่งบางพื้นที่แข่งกันระหว่าง 2 พรรค และบางพื้นที่มีการแข่งขันมามากกว่า 3 พรรค ขณะที่อีกส่วนพบว่าบางพื้นที่แนวโน้มใช้ความรุนแรง โดยนำยุทธการต่างๆ มาใช้เพื่อให้ได้ชัยชนะ ซึ่งผู้สมัครใน 10 จังหวัดเหล่านี้ มีหลายคนที่ขอกำลังตำรวจไปคุ้มกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในบางส่วนแม้ผู้สมัครไม่ร้องขอมา แต่ศรส.ลต.ตร.ก็ประเมินว่าควรต้องส่งกำลังตำรวจไปดูแล โดยได้จัดจัดกำลังลงไป แต่ยังไม่มีผู้สมัครในพื้นที่จังหวัดอื่นนอกเหนือจาก 10 จังหวัดในบัญชีเฝ้าจับตาร้องขอกำลังมาแต่อย่างใด
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า นอกจากการให้ตำรวจสันติบาล และตำรวจท้องที่หาข่าวในพื้นที่ติดตามข่าว เพื่อป้องกันความรุนแรงในการเลือกตั้งแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ยังมีการกดดัน ป้องปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืน ซึ่งยอมรับว่าก่อนตำรวจจะปฏิบัติการกดดัน กลุ่มมือปืนมีการเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุ แต่ทันทีที่ตำรวจเริ่มกดดันด้วยการออกประกาศ 50 มือปืนเมืองไทยออกมา ซึ่งส่งผลทำให้มือปืนพวกนี้มีความเคลื่อนไหวน้อยลง
ทั้งนี้ ศรส.ลต.ตร.จะออกประกาศบัญชีมือปืนที่ตำรวจต้องการตัว เพิ่มเติมอีก 70 ราย ในวันพรุ่งนี้ (26 พ.ค.) เพื่อกดดันต่อเนื่อง โดยคาดว่า จะยุติความรุนแรงในการเลือกตั้งได้ และค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงตลอดการเลือกตั้ง
“อยากให้ผู้สมัครที่รู้ว่ามีเหตุที่ตัวเองจะไม่ได้รับความปลอดภัย อย่านิ่งเฉยให้ประสาน ศรส.ลต.ตร.เข้ามา เพื่อจะได้จัดส่งกำลังตำรวจที่ได้รับการฝึกแล้ว ไปดูแลความปลอดภัยทุกกระบวนท่า และจะส่งกำลังตำรวจไปดูแลผู้สมัครใน 10 จังหวัดที่ตำรวจประเมินว่ามีการแข่งขันรุนแรงแล้ว โดย จ.ชลบุรี และ นครราชสีมา นั้นเป็น 2 จังหวัดที่มีแนวโน้มใช้ความรุนแรงต่อสู้กันมากที่สุด จึงส่งกำลังตำรวจดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ศรส.ลต.ตร.ยังสั่งระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธปืน เครื่องกระสุน ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย โดยในห้วงการตรวจค้นช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.เป็นต้นมา โดยสามารถยึดอาวุธปืนได้ 835 กระบอก ในจำนวนนี้เป็นอาวุธปืนสงคราม 11 กระบอก ระเบิด 12 ลูก เชื่อว่า การจับกุมนี้จะตัดทอนความรุนแรงได้ นอกจากนี้ การตั้งด่านตรวจแต่ละครั้งเน้นการตรวจค้นบัตรประชาชน การขนบัตร รวมทั้งการขนเงิน ซึ่งมั่นใจว่า ผู้ตั้งใจทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไม่สามารถเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
ส่วนมาตรการในการเอาผิดกับผู้ที่ทำลายป้ายหาเสียง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า จะดูแลอย่างเคร่งครัด แม้จะไม่มีเจ้าทุกข์มาร้องเรียน โดยขณะนี้พบมีการทำลายป้ายหาเสียงใน 8 จังหวัด คือ ปทุมธานี ชลบุรี จันทบุรี อุตรดิตถ์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ น่าน และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพบมีการทำลายป้ายของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย ซึ่งยังไม่พบทำลายป้ายพรรคอื่นแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องหารซื้อเสียง นั้น กกต.จะเป็นผู้ชี้เป้า หากพบจุดต้องสงสัย หรือเฝ้าระวังจากนั้นให้ตำรวจไปช่วยดำเนินการ ซึ่งในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ทาง กกต.จะจัดอบรมตำรวจในการตรวจสอบการซื้อเสียง การทุจริตการเลือกตั้ง
ชี้ยิงดับนายก อบต.โผงเผง ปมขัดประโยชน์ส่วนตัว
ส่วนกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสังหาร นายวิโรจน์ ดำสนิท นายก อบต.โผงเผง จ. อ่างทองนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวยืนยันว่า ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รายงานมาว่าจากการสืบสวนสอบสวนคดีไม่เกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ แต่เป็นสาเหตุการขัดผลประโยชน์ส่วนตัว