รวบเอเยนต์ยาบ้า-ยาไอซ์ ซุกซ่อนในกระโปรงท้ายรถ ตามค้นบ้านพักเจอของกลางยาบ้า 1.9 แสนเม็ด ยาไอซ์ 5 กก.มูลค่ากว่า 53 ล้าน รับทำมานานกว่า 3 เดือน และยังซุกยาบ้าในลำโพงเครื่องเสียง โดยส่งทางพัสดุไปรษณีย์แล้วใช้ที่อยู่ปลอมลงภาคใต้ เคยติดคุกคดียาเมื่อปี 46 และเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน ไม่มีงานทำเลยหันมาค้ายาซ้ำ
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7) พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.กก.สืบสวน บก.น.7 พ.ต.ท.ภิญโญ ป้อมสถิต รองผกก. แถลงการนำกำลังจับกุม นายปริยะ หรือ หนึ่ง ช่วงหาราษฎร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/35 หมู่ 9 แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.พร้อมของกลางยาบ้า 190,000 เม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ยาอี 600 เม็ด เครื่องชั่งดิจิตอล 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 3544 ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่าของกลางกว่า 53 ล้านบาท จับกุมได้บริเวณตรงข้ามโรงเรียนกวดวิชาคูมองศ์ ภายในซอยคลองลำเจียก 12 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า จะมีเอเยนต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 เตรียมลักลอบส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่ จึงนำกำลังไปทำการซุ่มสังเกตการณ์ก่อนจะพบรถต้องสงสัย ที่มี นายปริยะ ขับขี่ผ่านเข้ามา จึงขอตรวจค้น จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบยาบ้า จำนวนกว่า 60,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระโปรงท้ายรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ ก่อนขยายผลตรวจยึดของกลางทั้งหมดได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านสราญรมย์ ซึ่งค้นพบยาไอซ์และยาอีดังกล่าว โดยของกลางทั้งหมดมูลค่ากว่า 53 ล้านบาท
จากการสอบสวน นายปริยะ รับสารภาพว่าทำมานานกว่า 3 เดือนแล้ว โดยยาบ้าจะมี นายบรรพต เอเยนต์รายใหญ่โทรศัพท์ให้มารับของก่อนจะนำมาพักที่บ้านพัก เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการซุกซ่อนยาบ้าในลำโพงเครื่องเสียง เพื่อส่งลงพื้นที่ภาคใต้ โดยการส่งทางพัสดุไปรษณีย์โดยใช้ที่อยู่ปลอม ซึ่งจะมีคนมารับของต่อ โดยเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 3-5 หมื่นบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยติดคุกคดียาเสพติดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ลาดยาว) ก่อนถูกส่งไปที่คุมขังที่จังหวัดปทุมธานีเมื่อปี 2546 และเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน โดยตนไม่มีงานทำจึงหันมาค้ายาเสพติด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์, ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรถผู้ต้องหามีสีเขียวเปรอะเปื้อนบริเวณด้านหน้าและด้านข้าง สาเหตุเนื่องจากขณะเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาพยายามหลบหนีจึงต้องใช้สีสาดใส่ เพื่อเป็นการทำตำหนิกรณีหลบหนีได้ เพื่อทำให้เป็นที่สังเกตได้ง่ายต่อการสกัดจับ
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7) พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.กก.สืบสวน บก.น.7 พ.ต.ท.ภิญโญ ป้อมสถิต รองผกก. แถลงการนำกำลังจับกุม นายปริยะ หรือ หนึ่ง ช่วงหาราษฎร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/35 หมู่ 9 แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.พร้อมของกลางยาบ้า 190,000 เม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ยาอี 600 เม็ด เครื่องชั่งดิจิตอล 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 3544 ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่าของกลางกว่า 53 ล้านบาท จับกุมได้บริเวณตรงข้ามโรงเรียนกวดวิชาคูมองศ์ ภายในซอยคลองลำเจียก 12 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า จะมีเอเยนต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 เตรียมลักลอบส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่ จึงนำกำลังไปทำการซุ่มสังเกตการณ์ก่อนจะพบรถต้องสงสัย ที่มี นายปริยะ ขับขี่ผ่านเข้ามา จึงขอตรวจค้น จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบยาบ้า จำนวนกว่า 60,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระโปรงท้ายรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ ก่อนขยายผลตรวจยึดของกลางทั้งหมดได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านสราญรมย์ ซึ่งค้นพบยาไอซ์และยาอีดังกล่าว โดยของกลางทั้งหมดมูลค่ากว่า 53 ล้านบาท
จากการสอบสวน นายปริยะ รับสารภาพว่าทำมานานกว่า 3 เดือนแล้ว โดยยาบ้าจะมี นายบรรพต เอเยนต์รายใหญ่โทรศัพท์ให้มารับของก่อนจะนำมาพักที่บ้านพัก เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการซุกซ่อนยาบ้าในลำโพงเครื่องเสียง เพื่อส่งลงพื้นที่ภาคใต้ โดยการส่งทางพัสดุไปรษณีย์โดยใช้ที่อยู่ปลอม ซึ่งจะมีคนมารับของต่อ โดยเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 3-5 หมื่นบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยติดคุกคดียาเสพติดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ลาดยาว) ก่อนถูกส่งไปที่คุมขังที่จังหวัดปทุมธานีเมื่อปี 2546 และเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน โดยตนไม่มีงานทำจึงหันมาค้ายาเสพติด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์, ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรถผู้ต้องหามีสีเขียวเปรอะเปื้อนบริเวณด้านหน้าและด้านข้าง สาเหตุเนื่องจากขณะเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาพยายามหลบหนีจึงต้องใช้สีสาดใส่ เพื่อเป็นการทำตำหนิกรณีหลบหนีได้ เพื่อทำให้เป็นที่สังเกตได้ง่ายต่อการสกัดจับ