ตร.ลั่นพร้อมจับตายมือปืนฆ่า “กุ่ย ท่าพระจันทร์” ที่ยังหลบหนีอีก 1 หลังรวบพรรคพวกได้ 6 คนที่ร่วมก่อเหตุ จากการแกะรอยนำของกลางไปขายให้เซียนพระย่านบางแค ชี้ เซียนพระที่รับซื้อของโจร มีความผิดด้วย เพราะรู้ที่มาของพระบูชา เผยผู้ต้องหาทั้งหมดมีประวัติเสพยา
จากกรณี นายเลิศชัย เลิศวัฒนารมย์ หรือ “กุ่ย ท่าพระจันทร์” อายุ 55 ปี เซียนพระเครื่องชื่อดังเชี่ยวชาญวัตถุมงคลสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ถูกคนร้ายวางอุบายหลอกลวงว่าจะนำพระเก่ามาขายนัดเจอกัน วัดวิศิษฐบุญญาวาส ย่านทวีวัฒนา กทม.แล้วถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา นั้น
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สุรพงศ์ ศิริภักดี รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.สส.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.นพรัตน์ สินมา รองผกก.สส.4 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน สว.สส.3 และ พ.ต.ท.สง่า วงศ์นิคม สว.สส.4 บก.สส.จับกุม นายปอนด์ หรือ มอญ อนุสรณ์ อายุ 29 ปี นายวิโรจน์ หรือต่อ ยิ้มพวงสิน อายุ 19 ปี นายนัฐพงษ์ หรือ โอ๋ลาย บันไดทอง อายุ 25 ปี นายพรเทพ หรือ โอ๋บ้า ดั่นเจริญ อายุ 39 ปี นายศุภมิตร หรือ ต้อง ไทรนิ่มนวล อายุ 25 ปี และ น.ส.อำพร ทองประดิษฐ์ อายุ 33 ปี โดยจับ นายพรเทพ ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ในซอยวัดมะพร้าวเตี้ย หรือถนนจรัญสนิทวงศ์ซอย 13 และผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้หลังก่อเหตุแล้วไปกบดานอยู่ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นพระปิดตาเลี่ยมทองคำ ที่ยึดได้จากผู้ต้องหาทั้งหมด และบางส่วนที่นำไปจำหน่ายยังแผงเช่าพระที่ห้างเดอะมอลล์ บางแค จำนวน 134 องค์ โดยเซียนวงการพระคิดเป็นมูลค่า 3 ล้านบาท ปืนลูกโม่ 9 นัด ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก กระเป๋าสะพายที่ใส่พระเครื่องของผู้ตาย และรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ 1 คัน ทะเบียน สฮส 513 กรุงเทพมหานคร
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวว่า นายปอนด์ อนุสรณ์ เปิดร้านอาหารป่า และเปิดแผงเช่าพระย่านพุทธมณฑลสาย 2 นายปอนด์ อ้างว่า เคยนำพระไปขายให้กับนายเลิศชัย หรือ กุ่ย ท่าพระจันทร์ แต่ถูกปฏิเสธหาว่าเป็นพระปลอม แถมถูกด่าว่า จึงทำให้ผู้ต้องหาไม่พอใจ และเกิดความรู้สึกโกรธแค้น จึงเป็นหัวโจกคิดวางแผนกับเพื่อนร่วมแก๊งปล้นทรัพย์ โดยมีนายทะนงค์ หรือ นงค์ เป็นมือปืน ซึ่งหลบหนีไป นายวิโรจน์ เป็นคนขี่ จยย.คันที่ใช้ยิง นายนัฐพงษ์ ขี่จยย.ประกบคอยติดตามผู้ตาย นายพรเทพ หรือ โอ๋บ้า นั่งซ้อนท้าย และ นายศุภมิตร เป็นเจ้าของรถ จยย.ที่มือปืนใช้ลงมือ
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวต่อว่า นายปอนด์ ออกอุบายให้ นส.อัมพร โทรศัพท์ไปหลอกเซียนกุ่ย ว่าต้องการขายพระบูชาจำนวน 70 องค์ โดยนัดให้มาดูพระที่วัดดังกล่าวตอนสี่โมงเย็น นายเลิศชัยหลงเชื่อพร้อมพาเพื่อนซึ่งเป็นเซียนพระ นายวสวัตติ์ คูห์ศรีวินิจ หรือ อ้วน จักรยาน และนายชูชัย หรือ ตุ๊ เขมารักษ์ มาด้วย โดย นายปอนด์ ขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีเหลือง ทะเบียน สร 9562 กรุงเทพมหานคร ไปยังแผงพระของเซียนกุ่ย ที่ท่าพระจันทร์ พอผู้ตายเดินทางออกมา นายปอนด์ โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนทราบ โดยมีหลักฐานกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยทีแรกกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า ทีแรกวางแผนไว้จะใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ แต่ผู้ต้องตายวิ่งหลบหนีขึ้นรถ จึงไม่เป็นไปตามแผน นายทะนงศ์ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัดจนเหยื่อเสียชีวิต พร้อมกับเข้าไปกระชากกระเป๋าของผู้ตายไปซึ่งภายในมีพระเครื่องเหลี่ยมทองหลายสิบองค์
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวด้วยว่า นายปอนด์ ยังได้นำพระที่ปล้นไปจากผู้ตายไปขายให้กับเซียนพระที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค จำนวน 4 องค์ ในราคา 8 หมื่นบาท เซียนพระที่เช่าพระก็ต้องถูกดำเนินคดี ข้อหารับซื้อของโจร เพราะจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เช่าก็ทราบว่าเป็นพระของนายกุ่ย นอกจากนี้ นายปอนด์ ยังดัดแปลงถอดไฟหลังคารถและนำพระเครื่องซ่อนใส่ไว้ใต้หลังคารถฮอนด้าแจ๊ซคันดังกล่าว เพื่อเตรียมนำไปขายนำเงินมาแบ่งกัน นอกจากนี้ นายปอนด์ ยังแบ่งเงินสดที่ปล้นมาได้ให้ นายศุภมิตร หรือ ต้อง จำนวน 5,000 บาท และ นายวิโรจน์ หรือ ต่อ จำนวน 10,000 บาท ทั้งนี้ นายปอนด์ ยังใช้รถคันดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยหลับนอน เพราะกลัวตำรวจจับกุม อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งหมดมีประวัติเสพยาเสพติด รวมถึงนายทะนงศ์ก่อนลงมือยิงผู้ตายได้เสพยาบ้า 2 เม็ด นอกจากนั้น ทราบว่า ได้นำปืนของผู้ตายไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม หากต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องจับตาย
ด้าน พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ ผกก.สน.ศาลาแดง เปิดเผย หลังจากผู้ต้องหากลุ่มนี้ถูกจับกุมตัวได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.จะนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะต้องใช้เวลามากพอสมควร โดยเชื่อว่าหากวันนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเวลา 16.00 น.แต่ถ้าไม่เสร็จสิ้นก็จะคุมตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันรุ่งขึ้นต่อไป
จากกรณี นายเลิศชัย เลิศวัฒนารมย์ หรือ “กุ่ย ท่าพระจันทร์” อายุ 55 ปี เซียนพระเครื่องชื่อดังเชี่ยวชาญวัตถุมงคลสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ถูกคนร้ายวางอุบายหลอกลวงว่าจะนำพระเก่ามาขายนัดเจอกัน วัดวิศิษฐบุญญาวาส ย่านทวีวัฒนา กทม.แล้วถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา นั้น
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สุรพงศ์ ศิริภักดี รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.สส.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.นพรัตน์ สินมา รองผกก.สส.4 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน สว.สส.3 และ พ.ต.ท.สง่า วงศ์นิคม สว.สส.4 บก.สส.จับกุม นายปอนด์ หรือ มอญ อนุสรณ์ อายุ 29 ปี นายวิโรจน์ หรือต่อ ยิ้มพวงสิน อายุ 19 ปี นายนัฐพงษ์ หรือ โอ๋ลาย บันไดทอง อายุ 25 ปี นายพรเทพ หรือ โอ๋บ้า ดั่นเจริญ อายุ 39 ปี นายศุภมิตร หรือ ต้อง ไทรนิ่มนวล อายุ 25 ปี และ น.ส.อำพร ทองประดิษฐ์ อายุ 33 ปี โดยจับ นายพรเทพ ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ในซอยวัดมะพร้าวเตี้ย หรือถนนจรัญสนิทวงศ์ซอย 13 และผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้หลังก่อเหตุแล้วไปกบดานอยู่ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นพระปิดตาเลี่ยมทองคำ ที่ยึดได้จากผู้ต้องหาทั้งหมด และบางส่วนที่นำไปจำหน่ายยังแผงเช่าพระที่ห้างเดอะมอลล์ บางแค จำนวน 134 องค์ โดยเซียนวงการพระคิดเป็นมูลค่า 3 ล้านบาท ปืนลูกโม่ 9 นัด ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก กระเป๋าสะพายที่ใส่พระเครื่องของผู้ตาย และรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ 1 คัน ทะเบียน สฮส 513 กรุงเทพมหานคร
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวว่า นายปอนด์ อนุสรณ์ เปิดร้านอาหารป่า และเปิดแผงเช่าพระย่านพุทธมณฑลสาย 2 นายปอนด์ อ้างว่า เคยนำพระไปขายให้กับนายเลิศชัย หรือ กุ่ย ท่าพระจันทร์ แต่ถูกปฏิเสธหาว่าเป็นพระปลอม แถมถูกด่าว่า จึงทำให้ผู้ต้องหาไม่พอใจ และเกิดความรู้สึกโกรธแค้น จึงเป็นหัวโจกคิดวางแผนกับเพื่อนร่วมแก๊งปล้นทรัพย์ โดยมีนายทะนงค์ หรือ นงค์ เป็นมือปืน ซึ่งหลบหนีไป นายวิโรจน์ เป็นคนขี่ จยย.คันที่ใช้ยิง นายนัฐพงษ์ ขี่จยย.ประกบคอยติดตามผู้ตาย นายพรเทพ หรือ โอ๋บ้า นั่งซ้อนท้าย และ นายศุภมิตร เป็นเจ้าของรถ จยย.ที่มือปืนใช้ลงมือ
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวต่อว่า นายปอนด์ ออกอุบายให้ นส.อัมพร โทรศัพท์ไปหลอกเซียนกุ่ย ว่าต้องการขายพระบูชาจำนวน 70 องค์ โดยนัดให้มาดูพระที่วัดดังกล่าวตอนสี่โมงเย็น นายเลิศชัยหลงเชื่อพร้อมพาเพื่อนซึ่งเป็นเซียนพระ นายวสวัตติ์ คูห์ศรีวินิจ หรือ อ้วน จักรยาน และนายชูชัย หรือ ตุ๊ เขมารักษ์ มาด้วย โดย นายปอนด์ ขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีเหลือง ทะเบียน สร 9562 กรุงเทพมหานคร ไปยังแผงพระของเซียนกุ่ย ที่ท่าพระจันทร์ พอผู้ตายเดินทางออกมา นายปอนด์ โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนทราบ โดยมีหลักฐานกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยทีแรกกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า ทีแรกวางแผนไว้จะใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ แต่ผู้ต้องตายวิ่งหลบหนีขึ้นรถ จึงไม่เป็นไปตามแผน นายทะนงศ์ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัดจนเหยื่อเสียชีวิต พร้อมกับเข้าไปกระชากกระเป๋าของผู้ตายไปซึ่งภายในมีพระเครื่องเหลี่ยมทองหลายสิบองค์
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวด้วยว่า นายปอนด์ ยังได้นำพระที่ปล้นไปจากผู้ตายไปขายให้กับเซียนพระที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค จำนวน 4 องค์ ในราคา 8 หมื่นบาท เซียนพระที่เช่าพระก็ต้องถูกดำเนินคดี ข้อหารับซื้อของโจร เพราะจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เช่าก็ทราบว่าเป็นพระของนายกุ่ย นอกจากนี้ นายปอนด์ ยังดัดแปลงถอดไฟหลังคารถและนำพระเครื่องซ่อนใส่ไว้ใต้หลังคารถฮอนด้าแจ๊ซคันดังกล่าว เพื่อเตรียมนำไปขายนำเงินมาแบ่งกัน นอกจากนี้ นายปอนด์ ยังแบ่งเงินสดที่ปล้นมาได้ให้ นายศุภมิตร หรือ ต้อง จำนวน 5,000 บาท และ นายวิโรจน์ หรือ ต่อ จำนวน 10,000 บาท ทั้งนี้ นายปอนด์ ยังใช้รถคันดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยหลับนอน เพราะกลัวตำรวจจับกุม อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งหมดมีประวัติเสพยาเสพติด รวมถึงนายทะนงศ์ก่อนลงมือยิงผู้ตายได้เสพยาบ้า 2 เม็ด นอกจากนั้น ทราบว่า ได้นำปืนของผู้ตายไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม หากต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องจับตาย
ด้าน พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ ผกก.สน.ศาลาแดง เปิดเผย หลังจากผู้ต้องหากลุ่มนี้ถูกจับกุมตัวได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.จะนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะต้องใช้เวลามากพอสมควร โดยเชื่อว่าหากวันนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเวลา 16.00 น.แต่ถ้าไม่เสร็จสิ้นก็จะคุมตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันรุ่งขึ้นต่อไป
