บก.น.7 ปล่อยขบวนรถตำรวจ 11 สน.ตามโครงการโรงพักชุมชนสัมพันธ์ เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน ในการช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 เป็นประธานในการปล่อยขบวนรถของ สน.ตลิ่งชัน สน.ท่าพระ สน.ธรรมศาลา สน.บวรมงคล สน.บางกอกน้อย สน.บางกอกใหญ่ สน.บางขุนนนท์ สน.บางพลัด สน.บางยี่ขัน สน.บางเสาธง และสน.ศาลาแดง ตามโครงการโรงพักชุมชนสัมพันธ์ เพื่อเป็นการลดอาชญากรรมในพื้นที่ และสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรม แจ้งเบาะแส และช่วยระงับข้อพิพาทโดยใช้กระบวนการยุติธรรมในการแก้ปัญหา
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมในทุกพื้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีภารกิจพิเศษเพิ่มมากขึ้น ทำให้งานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมลดลง จึงเห็นว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวควรเข้าไปถึงแหล่งปัญหา และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ด้วยการให้ตำรวจในพื้นที่ที่เพิ่งได้รับการฝึกอบรมด้านชุมชนสัมพันธ์เข้าไปแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนตามชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ด้วยการสร้างความเข้าถึงปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ โดยการรับอาสาสมัครป้องกันอาชญากรรม สายตรวจชาวบ้าน การช่วยแจ้งเหตุ และเพื่อนบ้านเตือนภัย รวมทั้งให้บุคคลากรตำรวจซึ่งมีหลายคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็ให้คำปรึกษาคู่กรณีโดยการนำกระบวนการยุติธรรมมาใช้ในเชิงสมานฉันท์เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเคารพกฎหมายเพื่อไม่ให้กรณีพิพาทบางเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 เป็นประธานในการปล่อยขบวนรถของ สน.ตลิ่งชัน สน.ท่าพระ สน.ธรรมศาลา สน.บวรมงคล สน.บางกอกน้อย สน.บางกอกใหญ่ สน.บางขุนนนท์ สน.บางพลัด สน.บางยี่ขัน สน.บางเสาธง และสน.ศาลาแดง ตามโครงการโรงพักชุมชนสัมพันธ์ เพื่อเป็นการลดอาชญากรรมในพื้นที่ และสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรม แจ้งเบาะแส และช่วยระงับข้อพิพาทโดยใช้กระบวนการยุติธรรมในการแก้ปัญหา
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมในทุกพื้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีภารกิจพิเศษเพิ่มมากขึ้น ทำให้งานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมลดลง จึงเห็นว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวควรเข้าไปถึงแหล่งปัญหา และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ด้วยการให้ตำรวจในพื้นที่ที่เพิ่งได้รับการฝึกอบรมด้านชุมชนสัมพันธ์เข้าไปแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนตามชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ด้วยการสร้างความเข้าถึงปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ โดยการรับอาสาสมัครป้องกันอาชญากรรม สายตรวจชาวบ้าน การช่วยแจ้งเหตุ และเพื่อนบ้านเตือนภัย รวมทั้งให้บุคคลากรตำรวจซึ่งมีหลายคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็ให้คำปรึกษาคู่กรณีโดยการนำกระบวนการยุติธรรมมาใช้ในเชิงสมานฉันท์เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเคารพกฎหมายเพื่อไม่ให้กรณีพิพาทบางเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย
