จับตัวนิ่ม 175 ตัว พร้อมหนังงูตากแห้ง 130 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในถุงตาข่าย และถุงดำ วางเรียงไว้ในรถบรรทุก ใช้ฟางข้าวปิดคลุมทับอำพราง โดยขณะขนของกลางส่งกรมศุล ตัวนิ่มได้ออกลูกเพิ่มอีก 2 ตัว ผู้ควบคุมรถรับตัวนิ่มจากหาดใหญ่ นำส่ง กทม.คาดเตรียมส่งขายประเทศที่ 3 ด้านเจ้าหน้าที่ เผย ตัวนิ่มส่วนใหญ่จะถูกลักลอบนำเข้าจากมาเลย์ เพื่อส่งให้กลุ่มนักเปิบพิสดารต่างชาติ เพราะเชื่อว่าเป็นยาบำรุงกำลัง
วันนี้ (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กรมศุลกากร นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม แถลงการจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทลิ่นชวา หรือตัวนิ่ม จำนวน 175 ตัว และหนังงูตากแห้ง 130 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นายประสงค์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากรปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายสืบสวนปราบปราม 1 และส่วนสืบสวนปราบปราม 2 สำนักสืบสวนและปราบปราม ทำการตั้งจุดตรวจ ได้มีรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-6166 เพชรบุรี ซึ่งมี นายอดิศร ศรนารายณ์ เป็นผู้ควบคุมรถ ขับผ่านมาก่อนจะรีบขับหลบหนีการตรวจค้น ทำให้เจ้าหน้าที่ขับรถไล่ติดตามไป กระทั่งถึงถนนเลี่ยงเมืองชะอำ หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี จึงสามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้ เมื่อขอตรวจค้นบริเวณด้านหลังรถพบตัวนิ่มมีชีวิต 173 ตัว และหนังงูตากแห้ง บรรจุอยู่ในถุงตาข่ายและถุงดำวางเรียงไว้ โดยใช้ฟางข้าวปิดคลุมทับไว้ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางเอาไว้ และควบคุมตัวนายอดิศรมาทำการสอบสวน
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่มีการขนตัวนิ่มมาที่กรมศุลกากรนั้น ได้มีตัวนิ่มออกลูกมา 2 ตัว เจ้าหน้าที่จึงต้องนำออกมาจากถุงตาข่ายพร้อมกับคอยฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่า ลูกตัวนิ่มจะเสียชีวิต โดยเบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ควบคุมรถได้ให้การว่า บรรทุกตัวนิ่มมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อนำไปส่งที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนคาดว่าอาจจะเตรียมส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยลำเลียงออกไปทางภาคอีสาน
สำหรับตัวนิ่มจะมีราคาขายตามท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 หมื่นบาท โดยกลุ่มนายทุนจะมีการฉีดแป้งเข้าไปที่ลำตัวของตัวนิ่มก่อนส่งไปขาย เพื่อให้ตัวนิ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เวลาที่นำไปขายจะได้กำไรเพิ่มอีกเท่าตัว โดยไม่ได้คำนึงว่าตัวนิ่มจะเสียชีวิตหรือไม่
ด้าน นายเสรี กล่าวว่า โดยปกติแล้ว ตัวนิ่มจะมีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย กลุ่มผู้บริโภคนิยมกินเนื้อ เนื่องจากเชื่อว่า เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนเกล็ดของตัวนิ่มก็จะนำไปขาย ซึ่งตนอยากให้ผู้บริโภคคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร และใกล้สูญพันธุ์
ทั้งนี้ หลังจากนี้ จะต้องส่งตัวนิ่มทั้งหมดให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อนำไปอนุบาลก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ส่วนผู้ควบคุมรถก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานนำพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี หรือของต้องห้ามของต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ
วันนี้ (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กรมศุลกากร นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม แถลงการจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทลิ่นชวา หรือตัวนิ่ม จำนวน 175 ตัว และหนังงูตากแห้ง 130 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นายประสงค์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากรปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายสืบสวนปราบปราม 1 และส่วนสืบสวนปราบปราม 2 สำนักสืบสวนและปราบปราม ทำการตั้งจุดตรวจ ได้มีรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-6166 เพชรบุรี ซึ่งมี นายอดิศร ศรนารายณ์ เป็นผู้ควบคุมรถ ขับผ่านมาก่อนจะรีบขับหลบหนีการตรวจค้น ทำให้เจ้าหน้าที่ขับรถไล่ติดตามไป กระทั่งถึงถนนเลี่ยงเมืองชะอำ หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี จึงสามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้ เมื่อขอตรวจค้นบริเวณด้านหลังรถพบตัวนิ่มมีชีวิต 173 ตัว และหนังงูตากแห้ง บรรจุอยู่ในถุงตาข่ายและถุงดำวางเรียงไว้ โดยใช้ฟางข้าวปิดคลุมทับไว้ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางเอาไว้ และควบคุมตัวนายอดิศรมาทำการสอบสวน
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่มีการขนตัวนิ่มมาที่กรมศุลกากรนั้น ได้มีตัวนิ่มออกลูกมา 2 ตัว เจ้าหน้าที่จึงต้องนำออกมาจากถุงตาข่ายพร้อมกับคอยฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่า ลูกตัวนิ่มจะเสียชีวิต โดยเบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ควบคุมรถได้ให้การว่า บรรทุกตัวนิ่มมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อนำไปส่งที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนคาดว่าอาจจะเตรียมส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยลำเลียงออกไปทางภาคอีสาน
สำหรับตัวนิ่มจะมีราคาขายตามท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 หมื่นบาท โดยกลุ่มนายทุนจะมีการฉีดแป้งเข้าไปที่ลำตัวของตัวนิ่มก่อนส่งไปขาย เพื่อให้ตัวนิ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เวลาที่นำไปขายจะได้กำไรเพิ่มอีกเท่าตัว โดยไม่ได้คำนึงว่าตัวนิ่มจะเสียชีวิตหรือไม่
ด้าน นายเสรี กล่าวว่า โดยปกติแล้ว ตัวนิ่มจะมีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย กลุ่มผู้บริโภคนิยมกินเนื้อ เนื่องจากเชื่อว่า เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนเกล็ดของตัวนิ่มก็จะนำไปขาย ซึ่งตนอยากให้ผู้บริโภคคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร และใกล้สูญพันธุ์
ทั้งนี้ หลังจากนี้ จะต้องส่งตัวนิ่มทั้งหมดให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อนำไปอนุบาลก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ส่วนผู้ควบคุมรถก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานนำพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี หรือของต้องห้ามของต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ