xs
xsm
sm
md
lg

ตรุษจีนเทศกาล “มงคล” หรือเพิ่ม “บาป”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตัวนิ่ม หรือ ตัวลิ่น ที่มักถูกล่ามาทำอาหาร
วันปีใหม่จีนหรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อของวันตรุษจีน วันสำคัญสำหรับผู้มีเชื้อสายจีนที่จะฉลองการเริ่มต้นของปีใหม่ การทำการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์เพื่อให้ตนเองได้พบกับสิ่งดีๆในปีใหม่ที่จะเข้ามาถึง เทศการตรุษจีนไม่ได้นำพาความสุขมาสู่ผู้มีเชื้อสายจีนเท่านั้นแต่ยังนำความสุขไปสู่พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายที่เรียกได้ว่าจะพบกันช่วงที่เงินสะพัดเพราะจะเป็นช่วงที่ผู้มีเชื้อสายจีนจะจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับการเฉลิมฉลองนี้ เราอาจจะเคยชินกับการเห็นจานเป็ดจากไก่วางเรียงรายคู่ไปกับผลไม้และขนมชนิดต่างๆบนโต๊ะ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ายังมีเมนูแปลกๆอีกหลายเมนูที่คุณไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นบนโต๊ะอาหารไหนๆวางอยู่บนโต๊ะของผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง

หลายๆท่านคงคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเห็นเมนูประเภท ดีหมี อุ้งตีนหมี ดีงู อวัยวะเพศของเสือ หรือตัวนิ่ม วางอยู่บนโต๊ะอาหารในช่วงเทศกาลแห่งความสุขของการเฉลิมฉลองปีใหม่จีนนี้ แต่นี้คือความจริงที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่มีค่านิยมในการบริโภคสัตว์ป่าภายใต้ความเข้าใจที่ว่าการบริโภคสัตว์ป่าเหล่านี้จะทำให้มีอายุยืนยาวและเป็นการเสริมสมรรถภาพทางเพศ

คิดว่าเมนูพิสดารเหล่านี้มาจากที่ไหน ?
ในปัจจุบัน มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ทำการลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายโดยที่ทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่พรานล่าสัตว์ คนชำแหละสัตว์ คนขับรถขนสัตว์ จนถึงคนที่ทำการลักลอบส่งขายไปยังประเทศต่างๆที่มีความต้องการการบริโภคสัตว์ป่าเหล่านี้ เราอาจจะคิดไม่ถึงว่าธุรกิจการลักลอบค้าสัตว์ป่าจะสามารถทำรายได้และผลกำไรมหาศาล ในแต่ละปีธุรกิจการลักลอบค้าสัตว์ป่ามีมูลค่ามากถึงพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเมื่อเทียบกับสถานการณ์เงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ใครกันละที่จะตีมูลค่าของสัตว์ป่าที่ถูกฆ่าและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ที่นับวันยิ่งถูกทำลายไป...โดยฝีมือของมนุษย์เรานี้เอง

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างประเภทของสัตว์ป่าที่เป็น “เหยื่อ” ของเทศกาลตรุษจีนนี้ ก็คงหนีไม่พ้น “ตัวนิ่ม” หรือที่หลายๆคนอาจจะรู้จักกันในชื่อของ “ตัวลิ่น” ผู้ที่นิยมบริโภคสัตว์ป่าเชื่อกันว่า เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตควรต้องรับประทาน ทั้งเลือด เนื้อ และเกล็ดของนิ่ม เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารหรือยาจะมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศ ด้วยความเชื่อที่สืบสานกันต่อๆ มาเช่นนี้ทำให้ตัวนิ่มมีคุณค่าสูงขึ้น ราคาค่าตัวจึงย่อมแพงขึ้นตามความต้องการ และเป็นผลทำให้ประชากร "นิ่ม" ลดน้อยถอยลงอย่างรวดเร็ว

ในเมืองไทยนั้นนิ่มจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 รวมทั้งเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ตามอนุสัญญาไซเตส (CITES) ในบัญชี 2 หมายถึงชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าที่อนุญาตให้ค้าได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายหรือลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์ โดยประเทศที่จะส่งออกต้องออกหนังสืออนุญาตให้ส่งออก และรับรองว่าการส่งแต่ละครั้งจะไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์นั้นๆ ในธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันตัวนิ่มเป็นสัตว์ที่ไม่มีโควต้าให้นำเข้าหรือส่งออก (Zero quota)

แล้วทั้งๆที่มีข้อบังคับเหล่านี้อยู่ แต่ทำไมจึงยังมีการลักลอบเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องในประเทศไทย? คงจะตอบได้ว่านอกจากการไม่ใส่ใจของประชาชนทั่วไปแล้ว โทษการลักลอบค้าสัตว์ป่าในเมืองไทยมีแค่เพียงปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ผู้ต้องหาส่วนใหญ่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมาก อย่างมากผู้กระทำผิดก็แค่โดนปรับ ได้รับการปล่อยตัว และสามารถกลับมาทำธุรกิจเดิมๆได้อีกอย่างสบายใจ แต่หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เริ่มมีความเข้มงวดในด้านกฎหมายแล้ว การกระทำผิดครั้งต่อไปของพวกเขาจะได้รับโทษที่หนักกว่าในครั้งแรก อย่างเช่นในประเทศอินเดีย

'ตัวนิ่ม' ถือเป็นสัตว์ป่าที่มีการลักลอบค้าขายเป็นอันดับ 1 แม้ว่าการจับกุมแต่ละครั้งจะมีการจับกุมตัวนิ่มในคดีเล็กๆน้อยๆ แต่พบว่าในการจับกุมส่วนใหญ่จะมีตัวนิ่มรวมอยู่ด้วยเสมอ เฉพาะในเมืองไทยตั้งแต่ปีพ.ศ.2552-2553 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าจำพวก"นิ่ม"ได้รวมเป็นจำนวนกว่าหนึ่งพันตัว โดยผู้ลักลอบมักใช้ทั้งเส้นทางขนส่งทางเรือและทางบกเพื่อไปให้ถึงตลาดผู้บริโภคในประเทศจีน ซึ่งในไทยที่มีการจับกุมได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งทางบก

ส่วนใหญ่ผู้ลักลอบค้าจะขนส่งตัวนิ่ม โดยมักจะมีการนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ผ่านเข้าไทยเพื่อส่งข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาวและเวียดนาม โดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศจีน ซึ่งราคาซื้อขายในบ้านเราตกกิโลกรัมละ 4,500-4,800 บาท เมื่อนำข้ามลำน้ำโขงไปยังประเทศลาวจะมีราคากิโลกรัมละ 5,250 - 5,600 บาท และท้ายสุดในภัตตาคารชั้นนำของประเทศจีนราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท

เมื่อไหร่ที่จะหยุดการลักลอบค้าสัตว์ป่าได้ ?
การแก้ปัญหานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเสียเลย พ.ต.ต.ภฤศ ภาสว่าง สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่มีประสบการณ์ในการจับกุมการลักลอบค้าตัวลิ่นข้ามแดนมาแล้วได้กล่าวว่า “การลักลอบค้าสัตว์ป่าจะหมดไปจะต้องอาศัยทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและประชาชน โดยในแง่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทำงาน ในขณะที่ประชาชนคงจะต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริโภคสัตว์ป่าที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อผู้บริโภคแล้ว ยังจะทำลายธรรมชาติอีกด้วย”

แล้วจะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหยุดยั้งการลักลอบค้าสัตว์ป่าได้อย่างไร?
คุณเองก็เป็นอีกหนึ่งพลังเล็กๆ ที่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการบริโภคสัตว์ป่า และช่วยกันปลูกจิตสำนึกให้คนรอบข้างให้เห็นผลเสียของการทำร้ายสัตว์ป่า ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์

                                  (ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิฟรีแลนด์)

กำลังโหลดความคิดเห็น