ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประชุมเลือกองค์คณะและนัดฟังคำสั่งจะรับฟ้องหรือไม่รับ คดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์” ลูกและหลานอดีตนายกฯ จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และให้ตัดสิทธิ์การเมืองเป็นเวลา 5 ปี ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ยังได้เลือกองค์คณะ และพิจารณาคดีในลักษณะเดียวกันกับ “เฮียตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รมต.หลายสมัยในวันที่ 27 เม.ย.นี้ด้วย
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้ประชุมเพื่อเลือกเจ้าของสำนวน คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และหลานสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากกรณีที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบด้วย ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย
การประชุมดังกล่าว ปรากฏผลว่า องค์คณะได้ลงมติเลือก นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเจ้าของสำนวน ขณะที่ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
นอกจากนี้ คดีหมายเลขดำที่ อม.4/2554 ที่ ป.ป.ช.ได้ขอให้ศาลพิจารณา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ภายหลังที่ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบต่อ ป.ป.ช.โดยพบว่า นายสมศักดิ์ ปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนของเงินฝากในบัญชีธนาคาร และมูลค่าประมาณ 8.7 ล้านบาท ต่อ ป.ป.ช.เป็นจำนวนหลายครั้ง ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาห้ามนายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย
องค์คณะทั้ง 9 คน ได้มีมติเลือก นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์ ในศาลฎีกา เป็นเจ้าของสำนวน ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 27 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณี น.ส.ชินณิชา นั้น ป.ป.ช.เห็นว่า การที่ได้ขอยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจาก นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาทเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2551 ภายหลังจากที่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่ แล้ว เป็นเวลากว่า 8 เดือน โดยอ้างเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว เพราะความหลงผิด และเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริต ว่า ระหว่างทำรายการบัญชีนั้น กระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ยังไม่เสร็จสิ้น หนี้สินที่มีคำสั่งอายัดไว้ผู้ยื่นไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้จนกว่า คตส.จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัด
ขณะที่ น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยได้แสดงรายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก 3 (ทรูทาวเวอร์) ของตนเอง จำนวนเงิน 6,823,058.97 บาท ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ คตส.มีคำสั่งอายัดไว้ และ น.ส.ชินณิชาได้ร้องขอให้ คตส.เพิกถอนการอายัด และได้แสดงรายการเงินให้กู้ยืม ระบุว่า บริษัท วาย ชินวัตร จำกัด ได้กู้ยืมรวม 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 42,700,000 บาท และครั้งที่ 2 ได้ให้กู้ยืมเป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวน 10 ล้านบาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่กู้ยืมมาจาก นายบรรณพจน์ โดยการขอยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจากนายบรรณพจน์เพิ่มเติม ก็เป็นเวลาภายหลังจากที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการที่ น.ส.ชินณิชา ได้ร้องขอเพิกถอนการอายัดเงินจำนวน 100 ล้านบาท ต่อ คตส.และภายหลังจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ น.ส.ชินณิชา แล้ว
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้ประชุมเพื่อเลือกเจ้าของสำนวน คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และหลานสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากกรณีที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบด้วย ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย
การประชุมดังกล่าว ปรากฏผลว่า องค์คณะได้ลงมติเลือก นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเจ้าของสำนวน ขณะที่ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
นอกจากนี้ คดีหมายเลขดำที่ อม.4/2554 ที่ ป.ป.ช.ได้ขอให้ศาลพิจารณา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ภายหลังที่ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบต่อ ป.ป.ช.โดยพบว่า นายสมศักดิ์ ปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนของเงินฝากในบัญชีธนาคาร และมูลค่าประมาณ 8.7 ล้านบาท ต่อ ป.ป.ช.เป็นจำนวนหลายครั้ง ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาห้ามนายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย
องค์คณะทั้ง 9 คน ได้มีมติเลือก นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์ ในศาลฎีกา เป็นเจ้าของสำนวน ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 27 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณี น.ส.ชินณิชา นั้น ป.ป.ช.เห็นว่า การที่ได้ขอยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจาก นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาทเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2551 ภายหลังจากที่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่ แล้ว เป็นเวลากว่า 8 เดือน โดยอ้างเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว เพราะความหลงผิด และเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริต ว่า ระหว่างทำรายการบัญชีนั้น กระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ยังไม่เสร็จสิ้น หนี้สินที่มีคำสั่งอายัดไว้ผู้ยื่นไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้จนกว่า คตส.จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัด
ขณะที่ น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยได้แสดงรายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก 3 (ทรูทาวเวอร์) ของตนเอง จำนวนเงิน 6,823,058.97 บาท ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ คตส.มีคำสั่งอายัดไว้ และ น.ส.ชินณิชาได้ร้องขอให้ คตส.เพิกถอนการอายัด และได้แสดงรายการเงินให้กู้ยืม ระบุว่า บริษัท วาย ชินวัตร จำกัด ได้กู้ยืมรวม 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 42,700,000 บาท และครั้งที่ 2 ได้ให้กู้ยืมเป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวน 10 ล้านบาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่กู้ยืมมาจาก นายบรรณพจน์ โดยการขอยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจากนายบรรณพจน์เพิ่มเติม ก็เป็นเวลาภายหลังจากที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการที่ น.ส.ชินณิชา ได้ร้องขอเพิกถอนการอายัดเงินจำนวน 100 ล้านบาท ต่อ คตส.และภายหลังจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ น.ส.ชินณิชา แล้ว