xs
xsm
sm
md
lg

"โรบินฮู้ด"กองปราบ เขาเป็นใครหนอ?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


"โรบินฮู้ด" คือชื่อของหัวหน้าโจรแห่งป่าเชอร์วูด เมืองน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ ถือเป็นเรื่องเล่าสุดคลาสสิคในศตวรรษที่ 12 ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี กับตำนานของฮีโร่นอกกฏหมายผู้มีชื่อเสียงจากการปล้นทรัพย์สินคนรวยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนจน

แต่โครงการโรบินฮู้ด หรือ "หน่วยป้องกันปราบปรามโจรกรรมทรัพย์สิน"ดำเนินการโดย กองบังคับการปราบปราม นั้นเป็นคนละเรื่องกับจอมโจรป่าในตำนาน เพราะโครงการนี้เป็นการดำเนินการติดตามทรัพย์สินของชาวบ้านร้านช่องหาเช้ากินค่ำที่ถูกโจรขโมยไปนำกลับมาคืนให้

พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (รอง ผกก.1 บก.ป.) ในฐานะหัวหน้าโครงการนี้ เล่าถึงที่มาที่ไปว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเปลี่ยนรูปแบบการทำงานโดยต้องการให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานกับตำรวจตามแนวทางสากลที่เป็นมาตรฐาน จึงได้นำความคิดของ PIERCE BROOKS เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ลอสแองเจลิส หรือที่เรียกว่า “ ViCAP ” : Violent criminal apprehension program ทั้งนี้ ViCAP ถูกนำไปใช้งานในศูนย์วิเคราะห์อาชญากรรมรุนแรงแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา หน่วย FBI ได้นำ ViCAP ไปใช้ในการเก็บเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อความแม่นยำและถูกต้อง โดย หน่วยโรบินฮู้ด ได้นำมาประยุกต์ใช้เกี่ยวกับกรณีทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายให้เหมาะสมกับสังคมไทย

คดีโจรกรรมนั้นทำให้ ประชาชนผู้ประกอบอาชีพสุจริตต้องเดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะผู้หาเช้ากินค่ำ เมื่อเกิดเหตุขึ้นเงินหรือทรัพย์สินมีค่าที่สะสมมาทั้งชีวิตต้องถูกคนร้ายฉกชิงเอาไป บางคดีไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ และบางคดีแม้จับกุมคนร้ายได้แต่ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินที่สูญหายคืนได้จึงไม่สามารถบรรเทาความทุกข์ของผู้เสียหายที่ถูกกระทำได้ ประกอบกับคดีโจรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินเกิดขึ้นจำนวนสูงมากเป็นเหตุให้การสืบสวนและจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติงานด้วยความลำบาก

หน่วยป้องกันและปราบปรามโจรกรรมทรัพย์สิน มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมทรัพย์สินให้เป็นระบบเนื่องจากสภาพในปัจจุบันจากปัญหาสภาพเศรษฐกิจ สังคม ก่อให้เกิดคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินขึ้นจำนวนมาก โดยแยกเป็น 3 ประเภทคือ คดีลักทรัพย์ตามบ้านพักอาศัย ห้างร้าน สถานที่ทำงาน

ประเภทที่ 2 คือ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ตลอดจนปล้นทรัพย์ บริเวณตามทางสาธารณะ ที่เปลี่ยว ป้ายรถประจำทาง ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น

ส่วนประเภทที่ 3 คือคดีอื่นที่เกี่ยวพันกับคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ เช่นคดีข่มขื่นและลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปด้วย

พ.ต.ท.ธีรเดช กล่าวว่า เมื่อได้รับแจ้งหน่วยโรบินฮู้ด จะนำมาวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ตามทฤษฎีวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ ภูมิศาสตร์อาชญากรรม จากนั้นมีภารกิจเพื่อเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลด้านต่างๆระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้เสียหาย และสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุโดยสะดวกและคล่องตัวในการติดต่อประสานงานกับทุกภาคส่วนเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการสืบสวนจับกุมคนร้าย และติดตามทรัพย์สินดังกล่าวคืนมา และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง

แต่ สิ่งที่ประชาชนควรปฏิบัติคือ ก่อนที่มีเหตุเกิดขึ้น ให้จดบันทึกรายละเอียดที่สำคัญของทรัพย์สินที่มีค่า เช่น เลขเครื่อง ตำหนิรูปพรรณพิเศษ เก็บรักษากล่องของทรัพย์สินหรือสำเนาใบรับประกันแยกจากทรัพย์สินไว้ ถ่ายภาพ ทรัพย์สินที่มีค่าของท่านเก็บไว้โดยให้มีภาพรวม และถ่ายภาพเฉพาะเจาะจงในตำหนิพิเศษ หรือหมายเลขเฉพาะของทรัพย์สิน ทั้งนี้หากท่านเก็บรายละเอียดต่างๆที่สำคัญของท่านไว้ได้ละเอียดเท่าไร จะเป็นประโยชน์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น

พ.ต.ท.ธีรเดช กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ แล้วให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ทาง www.csd.go.th. แล้วกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ทำการวิเคราะห์ และช่วยเหลือ ต่อไป โดยข้อมูลจะเป็นความลับ ทั้งนี้ควรกรอกรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ข้อมูลที่ท่านแจ้งเกี่ยวกับทรัพย์ถูกโจรกรรม ต้องเป็นข้อมูลจริงและได้แจ้งความไว้แล้วเท่านั้น หากแจ้งหรือกรอกข้อมูลเท็จและ กลั่นแกล้งผู้อื่น จะมีความผิดตามกฏหมาย

ส่วน ผลงานที่น่วยโรบินฮู้ด ประเดิมคือติดตามโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกียน รุ่น E63 ของ นายพงษ์เทพ พันธุ์สถิตย์ อายุ 38 ปี หมอนวดผู้พิการทางสายตาที่ถูกโจรสาวขโมยไป ขณะทำงานอยู่ที่ร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่งใน ย่านพหลโยธิน หลังเกิดผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่า คดีขโมย มือถือ ราคาเพียง 6,000 กว่าบาท เจ้าหน้าที่คงไม่สนใจใยดีแน่ แต่เมื่อทราบข่าวว่ากองปราบ มี หน่วยโรบินฮู้ด จึงให้เพื่อนกรอกร่วมโครงการ กระทั่ง พ.ต.ท.ธีรเดช นำกำลังไปยึดคืนมาจากห้างเซียร์ รังสิตได้

ต่อมาหน่วยโรบินฮู้ด ตามยึดคืนพระพุทธรูปทรงยืน ปางห้ามสมุทร เนื้อสัมฤทธิ์ สูงประมาณ 230 ซ.ม. หนักประมาณ 200 กก.อายุเก่าแก่ประมาณ 200 ปี ที่ถูกคนร้ายโจรใจบาปโจรกรรมจาก อุโบสถวัดปทุมวัน ต.หลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กดดันกลุ่มผู้ค้าวัตถุโบราณ กระทั่งทนไม่ไหวนำมาทิ้งไว้ภายในบึงน้ำ หมู่ 7 ต.นาไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

จากนั้นได้ทลายแก๊งโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ ย่านโชคชัย 4 ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และ ในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมจับกุม นายอนันต์ อยู่เอม อายุ 31 ปี หัวหน้าแก๊ง นายยงยุทธ เพชรทอง อายุ 26 ปี นายสุบิน แก่นสาร อายุ 35 ปี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ของกลางชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมาก และสามารถตามรถกระบะคืนให้ นายมานะ เปลี่ยนศิลาพร อายุ 49 ปี ได้

อีกผลงานคือติดตามกระเป๋าและเอกสารสำคัญของ น.ส.พัชราภา มาลัย ที่ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ประกบพร้อมกระชากกระเป๋าจนรถล้มลง เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 22 ก.ย.2553 บนสะพานเตาปูน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 พ.ย.53 หน่วยโรบินฮู้ด ได้ร่วมกันสืบสวนและสามารถติดตามสิ่งของมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ สร้างความดีใจให้กับผู้เสียหายเป็นอย่างมาก เพราะของที่คนร้ายได้กระชากไปนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้เสียหายทั้งสิ้น

นอกจากนี้ได้ตามยึดกล้องวีดีโอ จำนวนสองตัว มูลค่ากว่า 200,000 บาท มาคืนเจ้าของได้ โดยคนร้ายทำทีมาขอเช่าไปถ่ายทำสารคดี ก่อนพาไปขายที่ร้านแห่งหนึ่งในห้างพันธ์ทิพย์ ประตูน้ำ เจ้าหน้าที่จึงทำการล่อซื้อและยึดคืนให้

ต่อมาได้ติดตามรถกระบะมิตซูบิชิ สตราด้า สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน ณน 9086 กทม.ของ พล.ต.ต.บวร ศิริมาจันทร์ นายตำรวจนอกราชการ เจ้าของบริษัท มีนาฟู้ดส์ จำกัด พร้อมทั้งจับกุม นายลือชัย กันเกตุ อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุขโมยได้ บริเวณบ้านพักคนงานพื้นที่หมู่ 4 นิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

จากนั้นสามารถติดตามนำรถกระบะ มิตซูบิชิ สีบรอนซ์ ทะเบียน รต 9670 กทม.ซึ่งเป็นรถขนส่งสินค้าของบริษัทกลับคืนมาให้ นายสมชาย ธัญญศิริ อยุ 41 ปี เจ้าของบริษัท ศิลป์ทอไทย จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม

และล่าสุดตามยึดวัตถุโบราณประจำตระกูลบริพัตร ประกอบด้วย บุษบกทองคำแท้ในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ พระราชโอรสองค์ที่ 33 ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้ เครื่องสังคโลก 7 ชิ้น เบญจรงค์ 2 ชิ้น และถาดเงินอีก 1 ชิ้น คืนตระกูลบริบัตรได้

"วัตถุประสงค์หลักขอหน่วยงานนี้คือต้องการนำทรัพย์กลับคืนให้ผู้เสียหายก่อนแล้วค่อยไป ตามจับคนร้าย เพราะเมื่อติดตามทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปได้ก็จะรู้ตัวคนร้าย ต่างจากการสืบสวนทั่วไปที่จะติดตามคนร้ายก่อนจึงจะสอบสวนขยายผลว่านำทรัพย์ไปขายบ้าง ” พ.ต.ท.ธีรเดช กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาทางเว็ปไซต์เยอะมาก ซึ่งเรากำลังจัดลักษณะคดี ประเภทสิ่งของ ความยากง่ายในการติดตาม ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เข้าตรวจค้นตามแหล่งรับซื้อของเก่า ปิดล้อมบ้านผู้มีอิทธิพล ซุ้มโจร ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามเต๊นท์รถมือสอง อย่างไรก็ตามหากของหายให้ท่านกรอกข้อมูลที่ www.csd.go.th หรือโทรแจ้ง 1195 ได้ตลอดเวลา ทางเราจะดำเนินการติดตามทรัพย์สินมาคืนให้

ถือเป็นโครงการของกองปราบปรามที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เพราะอย่าลืมว่าสิ่งของบางอย่างมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าที่จะตีราคาเป็นทรัพย์สินเงินทอง

กำลังโหลดความคิดเห็น