ตร.ท่องเที่ยวนำหมายเข้าค้นบริษัทคอลเซ็นเตอร์ ย่านเพลินจิต โทร.ลวงเหยื่อซื้อหุ้น-ทองรูปพรรณล่วงหน้า อ้างได้รับผลกำไรงาม แต่ไม่ได้รับตามที่กล่าวอ้าง ก่อนคุมตัวหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษเจ้าของบริษัท และพนักงานชาวต่างชาติ อีก 19 คน ดำเนินคดีและยึดของกลางไว้ตรวจสอบ
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตรสุขศรี ผบก.ทท. พ.ต.อ.สาคร ศรีรัตนประยูร ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.สกล สิทธิวิชัย รอง ผกก.1 บก.ทท. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจ กก.1 บก.ทท.นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 77/2554 ลงวันที่ 8 เม.ย.54 เข้าตรวจค้นภายในบริษัท อีลิท ออฟฟิศ จำกัด ตั้งอยู่บนชั้น 18 อาคารอัมรินทร์ ทาวเวอร์ เลขที่ 496-502 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน หลังได้รับร้องเรียนว่าบริษัทดังกล่าวทำการหลอกลวงเหยื่อให้เข้ามาร่วมลงทุนซื้อขายหุ้น กับทองรูปพรรณล่วงหน้า และซื้อขายประกันภัยประเภทต่างๆ แต่เหยื่อไม่ได้เคยได้รับผลตอบแทน หรือได้รับการคุ้มครองแต่อย่างใด
บริษัทดังกล่าวเป็นแบ่งออกเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง มีโต๊ะทำงานจำนวนมาก โดยแต่ละโต๊ะจะมีโทรศัพท์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊กประจำอยู่ทุกตัว เพื่อให้พนักงานบริษัทใช้ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งห้องเล็กไว้ให้ 5-6 ห้อง ไว้สำหรับพนักงานระดับหัวหน้า เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว นายไซมอน เจมส์ อายุ 55 ปี สัญชาติอังกฤษ เจ้าของบริษัท พร้อมทั้งลูกน้องชาวต่างชาติอีก 19 คน ประกอบด้วย อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และฟิลิปปินส์ ไปสอบสวน พร้อมทั้งยึดโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ทุกตัว พร้อมทั้งเอกสารไว้สำหรับแนะนำหรือพูดจาตอบโต้ลูกค้าซึ่งเป็นภาษาอังกฤษไว้ตรวจสอบ
พล.ต.ต.อดิศร์ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทท.ได้รับการประสานจากตำรวจของประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ว่า มีเหยื่อซึ่งเป็นประชาชนในประเทศดังกล่าวถูกบริษัทดังกล่าวโทรศัพท์ไปชักชวนให้มาร่วมลงทุนซื้อขายหุ้น และทองคำล่วงหน้า รวททั้งขายประกันภัยประเภทต่างๆ ให้กับบริษัทนำทัวร์ แต่ปรากฏว่า เหยื่อทั้งสองประเภทไม่เคยได้รับกำไร หรือได้ผลตอบแทนแต่อย่างใด ส่วนประกันภัยนั้น ก็จะหลอกลวงให้โอนเงินซื้อประกันหมู่ให้กับนักท่องเที่ยว แต่บริษัทดังกล่าวกลับเก็บเงินไว้เองไม่มีการทำประกันภัยแต่อย่างใด สร้างความเสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวนั้น พบว่า มีการจดทะเบียนไว้ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ไม่มีใบอนุญาตในการเปิดการบริษัทดำเนินกิจการในประเทศไทยแต่อย่างใด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาเปิดบริษัทโดยไม่มีใบอนุญาต และเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป พร้อมทั้งจะติดต่อไปยังเหยื่อที่ถูกหลอกลวงเพื่อตรวจสอบว่ามีจำนวนที่แน่ชัดเท่าใด นอกจากนี้ จะทำการขยายผลการตรวจสอบเรื่องเว็บไซด์ที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้ทำการชักชวนเหยื่อเข้ามาลงทุนด้วยว่าใชเว็บไซต์อะไร เนื่องจากมีเหยื่อบางรายแจ้งว่าถูกชักชวนให้มาร่วมลงทุนทางเว็บไซต์