กรมศุลกากรแถลงโชว์จับเรือลักลอบขนถ่ายน้ำมันเถื่อนใกล้เกาะช้าง ยึดของกลาง 1 แสนลิตร มูลค่า 3 ล้าน พร้อมควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหารับสารภาพออกไปรับน้ำมันดีเซลไม่ได้เสียภาษีลิตรละ 21 บาทแล้วนำมาขายลิตรละ 30 บาท ได้ค่าจ้าง 5 หมื่น
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ คลองเตย กรุงเทพฯ นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม แถลงการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 2 ราย คือ นายสมทรง แย้มวงษ์ อายุ 48 ปี ผู้ควบคุมเรือ และนายเพลิน โภพัก อายุ 25 ปี ช่างเครื่อง พร้อมด้วยของกลางเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลลักลอบหนีศุลกากร ซึ่งภายในเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลเหลือเกือบ 100,000 ลิตร มูลค่า 3 ล้านบาท
นายประสงค์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรสืบสวนปราบปราม 2 ได้นำเรือออกลาดตะะเวนบริเวณน่านน้ำราชอาณาจักรไทย ห่างจากเกาะช้างประมาณ 30 ไมล์ทะเล จากนั้นเรดาร์ของเรือได้ตรวจพบว่ามีเรือ 2 ลำจอดเทียบกัน โดยเรือลำหนึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ส่วนอีกลำเป็นเรือยนต์เหล็กไม่ปรากฏชื่อ กระทั่งเรือเหล็กมุ่งหน้าเข้าเกาะช้าง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้นำเรือออกไปรับน้ำมันดีเซลเข้ามาในราชอาณาจักรจริง และจะนำไปขึ้นฝั่งที่อ่าวธรรมชาติ อ.แหลมงอบ จ.ตราด ทำมาแล้ว 4 ครั้ง ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 4-5 หมื่นบาท
นายประสงค์กล่าวอีกว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ดัดแปลงเพื่อนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาขายในราคาซื้อขายอยู่ที่ลิตรละ 21 บาท แต่เมื่อนำมาขายตามท้องตลาดจะอยู่ที่ราคาลิตรละ 30 บาท โดยน้ำมันดังกล่าวสามารถใช้ได้จริงกับรถยนต์ แต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้กระทำความผิดลักลอบนำน้ำมันเข้ามาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร โดยทางกรมศุลกากรจะต้องสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับน้ำมันล็อตดังกล่าวคาดว่าน่าจะนำไปส่งในแถบภาคตะวันออก เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก จึงทำให้มีความต้องการน้ำมันดีเซลสูง ส่วนน้ำมันเบนซิลมีการลักลอบนำเข้ามาบ้างแต่เป็นส่วนน้อย
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานลักลอบและนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือของต้องห้ามต้องจำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร เบื้องต้นเจ้าหหน้าที่ได้ยึดของกลางเอาไว้ตรวจสอบและควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งกรมศุลกากรดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ คลองเตย กรุงเทพฯ นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม แถลงการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 2 ราย คือ นายสมทรง แย้มวงษ์ อายุ 48 ปี ผู้ควบคุมเรือ และนายเพลิน โภพัก อายุ 25 ปี ช่างเครื่อง พร้อมด้วยของกลางเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลลักลอบหนีศุลกากร ซึ่งภายในเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลเหลือเกือบ 100,000 ลิตร มูลค่า 3 ล้านบาท
นายประสงค์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรสืบสวนปราบปราม 2 ได้นำเรือออกลาดตะะเวนบริเวณน่านน้ำราชอาณาจักรไทย ห่างจากเกาะช้างประมาณ 30 ไมล์ทะเล จากนั้นเรดาร์ของเรือได้ตรวจพบว่ามีเรือ 2 ลำจอดเทียบกัน โดยเรือลำหนึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ส่วนอีกลำเป็นเรือยนต์เหล็กไม่ปรากฏชื่อ กระทั่งเรือเหล็กมุ่งหน้าเข้าเกาะช้าง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้นำเรือออกไปรับน้ำมันดีเซลเข้ามาในราชอาณาจักรจริง และจะนำไปขึ้นฝั่งที่อ่าวธรรมชาติ อ.แหลมงอบ จ.ตราด ทำมาแล้ว 4 ครั้ง ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 4-5 หมื่นบาท
นายประสงค์กล่าวอีกว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ดัดแปลงเพื่อนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาขายในราคาซื้อขายอยู่ที่ลิตรละ 21 บาท แต่เมื่อนำมาขายตามท้องตลาดจะอยู่ที่ราคาลิตรละ 30 บาท โดยน้ำมันดังกล่าวสามารถใช้ได้จริงกับรถยนต์ แต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้กระทำความผิดลักลอบนำน้ำมันเข้ามาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร โดยทางกรมศุลกากรจะต้องสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับน้ำมันล็อตดังกล่าวคาดว่าน่าจะนำไปส่งในแถบภาคตะวันออก เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก จึงทำให้มีความต้องการน้ำมันดีเซลสูง ส่วนน้ำมันเบนซิลมีการลักลอบนำเข้ามาบ้างแต่เป็นส่วนน้อย
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานลักลอบและนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือของต้องห้ามต้องจำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร เบื้องต้นเจ้าหหน้าที่ได้ยึดของกลางเอาไว้ตรวจสอบและควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งกรมศุลกากรดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
