ชุดสืบสวนตำรวจนครบาล ตามจับกุมหนุ่มปัตตานี สมาชิกแก๊งทวงหนี้ฆ่าหนุ่มใหญ่ชาวมาเลเซีย สารภาพรับจ้างแก๊งเงินดำแค่ 5,000 บาท ลวงผู้ตายมาทวงหนี้ 19 ล้าน แต่คนตายไม่ยอมชดใช้จึงถูกฆ่าก่อนนำศพไปยัดกล่องทิ้งกองขยะ
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น.ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายซูฮา หรือยู อีแต อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/2 หมู่ 3 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ส.251/2554 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2554 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย โดยจับกุมตัวได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
พล.ต.ต.สุเมธเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ได้รับแจ้งว่าพบศพชายนิรนามถูกฆ่าตกรรมแล้วนำศพยัดไว้ในกล่องกระดาษก่อนนำไปทิ้งที่กองขยะภายในซอยอุดมสุข 60 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ทำการหาเบาะแสจนทราบว่าผู้ตายคือ Mr.Ramli Bin Otlunan อายุ 58 ปี ชาวมาเลเซีย จากนั้นได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่านายซูฮาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนร้าย และเป็นผู้นำศพผู้ตายมาทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการขออนุมัติหมายจับจากศาล พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจค้นที่ห้องพักของนายซูฮา ที่ห้องพักเลขที่ 115 ร่วมเกล้าอพาร์ทเมนต์ ซอยรามคำแหง 65 แยก 1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งจากการตรวจค้นพบหลักฐานต่างๆ หลายรายการ อาทิ ใบเสร็จห้างสรรพสินค้าโลตัสเอ็กซ์เพรส ซอยรามคำแหง 65 ระบุการซื้อสินค้าที่ใช้ในการปิดบังซ่อนเร้นศพ และคราบเลือด ก่อนที่จะติดตามจับกุมตัวได้ขณะที่กำลังจะเดินทางหลบหนีไปกบดานที่จังหวัดอุบลราชธานี
จากการสอบสวนนายซูฮาให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายอาวี ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ชาวมาเลเซีย กับพรรคพวกรวม 4 คน เป็นเงิน 5 พันบาท ให้หลอกผู้ตายมาพบในห้องพักของตนย่านซอยรามคำแหง เพื่อทวงเงินจำนวน 19 ล้านบาท ที่ผู้ตายยักยอกไปจากนายอาวี โดยตนได้พาผู้ตายไปกินข้าวก่อนจะพาเข้าไปพบนายอาวี เมื่อไปถึงนายอาวีและพวกได้บังคับให้ผู้ตายบอกว่าเงินอยู่ที่ไหนให้นำเงินมาคืน แต่ผู้ตายบอกว่ายังไม่สามารถนำมาคืนให้ได้เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา ทำให้นายอาวีโกรธมากใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นตนได้เปิดเครื่องเสียงเพื่อไม่ให้ข้างห้องได้ยินเสียงร้องของผู้ตายร้อง
นายซูฮากล่าวอีกว่า หลังจากที่นายอาวีฆ่าผู้ตายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนได้เดินทางไปซื้ออุปกรณ์ที่ใช้อำพรางศพที่ห้างโลตัสกับเพื่อนชื่อนายธนวัฒน์ แก้วกาญจน์ โดยขอกล่องกระดาษมาจากพนักงาน จากนั้นก็นำมาห่อศพและใส่ลังไปทิ้ง โดยใส่รถเข็นไปเรียกรถแท็กซี่ บอกว่าภายในเป็นแผ่นยาง คนขับจึงช่วยยกไปใส่ไว้ที่กระโปรงท้ายรถ เมื่อมาถึงซอยที่เกิดเหตุจึงขอลงโดยบอกว่าจะต้องนำของไปส่งให้กับโรงงาน หลังจากที่ทิ้งศพแล้วก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเรือไปรอการติดต่อจากนายอาวีว่าจะโอนเงินส่วนที่เหลือจำนวน 2 แสนบาทมาให้เมื่อใด แต่เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ ก็คิดว่าถูกโกงเงินแน่นอนจึงเดินทางหลบหนีไปอรัญประเทศกับแฟนสาว
“จากนั้นผมได้เดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาค้นที่ห้องพัก จึงคิดจะหลบหนีโดยไปซื้อตั๋วที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อเดินทางไปกบดานที่ จ.อุบลราชธานี แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน สำหรับชาวมาเลเซียที่ว่าจ้างให้ผมมาก่อเหตุนั้น ก่อนหน้านี้ผมได้รู้จักกับพวกเขาที่สุไหงโก-ลก เมื่อปี 2552 และพอรู้ว่ากลุ่มคนร้ายทำธุรกิจมืด ทั้งหมดเป็นแก๊งเงินดำเดินทางเข้ามาผลิตธนบัตรดอลลาร์ปลอมในประเทศไทย และลักลอบจำหน่ายยาไอซ์ด้วย” นายซูฮากล่าว
พล.ต.ต.สุเมธกล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ยังสามารถขยายผลไปถึงแก๊งเงินดำที่เข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่ได้ทำการออกหมายจับและเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายซูฮา ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา ก่อนควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดเกิดเหตุต่างๆ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป