ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน ลวงผู้เสียหาย 23 ราย โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
วันนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจาณาคดี 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1346/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายลี จุย จุง (LEE JUI JUNG) ชาวไต้หวัน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5, 269/7, 341, 342, 343
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 4-29 มิ.ย.52 จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้องร่วมกันหลอกลวงประชาชนในลักษณะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการแสดงตนว่าเป็นคนอื่นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่จำเลยกับพวกหลอกลวงแล้วจำเลยกับพวกได้นำอิเล็กทรอนิกส์ฝากถอนเงินอัตโนมัติไปถอนเงินโดยใช้บัตรผู้อื่นโดยมิชอบ เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.และอีกหลายจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกลวงไปทั้งสิ้น 23 คน มูลค่าความเสียหายจำนวน 2,118,761.24 บาท ขอให้จำเลยคืนเงินทั้งหมดให้แก่ผู้เสียหาย
ศาลพิเคราะห์ประกอบคำรับสารภาพแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ต่อมาทนายความจำเลยแถลงศาลว่าจำเลยได้คืนเงินแก่ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/7 ประกอบมาตรา 269/5, 83 และ 373 วรรคสอง ลงโทษฐานร่วมการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้ผู้มีสิทธิ์ใช้เบิกถอนเงินสดโดยมิชอบ อันเป็นบทที่มีโทษหนักสุด การกระทำของจำเลยผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ จำนวน 23 กระทง กระทงละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษแล้วคงจำคุกไว้มีกำหนด 20 ปี เป็นโทษที่มีกำหนดสูงสุดตามกฎหมาย ส่วนเงินค่าเสียหายจำเลยได้คืนให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว จึงให้ยกคำร้องในส่วนนี้
